Special Interview

“ทิกเกอร์-อชิระ” และ “ชิม่อน-วชิรวิชญ์” แท็กทีมความน่ารักอุ่นหัวใจใน “ใจฟูสตอรี่”

“ลี-ฐานัฐพ์” ได้สร้างความใจฟูกันไปแล้ว งานนี้เราขอเสริมความน่ารักแบบยกกำลังสองให้ใจฟูเข้าไปอีก ด้วยการเชิญ “ทิกเกอร์-อชิระ เทริโอ” และ “ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์” มาพูดคุยถึง การแสดงและการเข้าคาแร็คเตอร์บท “เต๋อ” และ “อ๊อต” ใน “ใจฟูสตอรี่” ว่าพวกเขาจะมีเรื่องเล่าอะไรในระหว่างการทำงานบ้าง และความน่าสนใจมันอยู่ตรงที่คนหนึ่งบอกว่า เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของตัวเอง ส่วนอีกคนก็บอกว่า เรื่องนี้ต่างจากซีรีส์ที่ตัวเองรับเล่นมาโดยสิ้นเชิง 

ทิกเกอร์ เต๋อ และความเป็นตัวเอง

“ผมเคยเรียนละครเวทีมาก่อน และส่วนใหญ่บทละครที่ผ่านมา จะค่อนข้างได้แต่บทดราม่าที่มีอารมณ์หลากหลายมาก แต่สำหรับเต๋อเรื่องนี้ ผมว่าเขานิ่งมาก แทบจะไม่สื่อสารอารมณ์กับใครเลย ซึ่งต่างจากตัวผม มันยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดที่เขาไม่เปิดเผยความรู้สึกออกมาสักที”

Tigger1

คำตอบข้างต้นมาจากคำถามที่ว่า เต๋อกับทิกเกอร์ต่างกันหรือไม่ เขายอมรับว่าต่าง และทิกเกอร์ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เขาเป็นคนสนุกสนานเวลาอยู่กับเพื่อน แต่มักคีพคูลเวลาที่อยู่ข้างนอกหรือในที่ที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งก็มีบางมุมที่แอบคล้ายเต๋อในเรื่องนี้ เราเลยถามถึงความยากของบทเต๋อกับทิกเกอร์ เขาแอบอมยิ้มและตอบเรามาว่า

“ผมว่าทุกคนมีมุมที่ปกปิดความรู้สึกและเปิดเผยความรู้สึก กับเต๋อเองคือแบบแรกครับ พอเขามีความรู้สึกอะไร เขาจะมีคำถามในหัวอยู่ตลอดเวลาว่า มันเป็นแบบนี้ไหม มันใช่หรือเปล่า ทำออกไปแล้ว ผลจะออกมาดีไหม เหมือนคุยและถามตัวเองกลับไปกลับมา ผมมองว่านี่เป็นจุดยากสำหรับตัวเอง เพราะผมไม่ใช่คนเก็บความรู้สึกอะไรถึงขั้นนั้น มีอะไรก็พูด มีอะไรก็แสดงออกมาเลย ไม่เก็บไว้”

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากตัวละครเต๋อ ทิกเกอร์บอกว่า หากรู้สึกอะไรให้พูดออกมาเลย อย่าเก็บงำเอาไว้ เต๋อจึงกลายบทเรียนใหม่ทางการแสดงของทิกเกอร์อีกครั้ง หลังจากที่เขาห่างหายไปจากวงการการแสดงมาเกือบจะ 10 ปีแล้ว สิ่งหนึ่งที่เป็นความสบายใจให้กับตัวเขา นั่นคือ “พี่ตุ๋ย” ผู้กำกับของเรื่องนี้

“พี่ตุ๋ยเข้าใจผมมากๆ มันเลยทำให้การออกกองสนุกมาก ซึ่งภาพตอนแรกที่ผมคิดไว้กับกองภาพยนตร์คือ ต่างจากกองละครแน่ๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะ เข้มข้น จริงจัง แต่กลับกันเลย พี่ตุ๋ยให้อิสระในการแสดงผมมากๆ รวมถึงให้ผมออกแบบและเติมความเป็นเต๋อในแบบฉบับของตัวเองได้เต็มที่ ซึ่งเป็นการทำงานการแสดงอีกครั้งที่สบายใจมากครับ”

สบายใจขนาดนี้ คะแนนที่ทิกเกอร์จะให้ตัวเองกับภาพยนตร์เรื่องแรก เราว่าต้องเกินครึ่งแน่ๆ ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะทิกเกอร์ให้ตัวเองอยู่ที่ 6 คะแนน

Tigger2

“6 คะแนนคือความตั้งใจที่ผมให้ตัวเอง ส่วนอีก 4 คะแนนที่หายไป คือรายละเอียดทางการแสดงที่น่าจะใส่เพิ่มเข้าไปเพื่อให้ความรู้สึกมันชัดกว่านี้ได้ เช่น สายตาหรือการกระทำบางอย่าง ซึ่งบางเทคนิคผมเองก็ห่างหายไปนาน และกว่าจะต่อติดได้ก็ใช้เวลาเหมือนกัน ดังนั้น 6 คะแนนจึงเป็นจุดสตาร์ทที่ดีสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของผม ยังไงฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ”

ชิม่อน อ๊อต และเสน่ห์ที่สร้างในแบบของเราเอง

“ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกกอง แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าตรงที่เป็นภาพยนตร์ ซึ่งผมเคยผ่านงานภาพยนตร์มาเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว นี่จึงเป็นการรับภาพยนตร์ที่จริงจังอีกครั้ง เหมือนตัวเองโตขึ้นในอีกระดับหนึ่ง”

ชิม่อน-วชิรวิชญ์ เล่าถึงเล่นทางการทำงานภาพยนตร์ของตัวเอง ถ้าจะให้นับเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ 2 หรือ 3 ของเขา แม้จะผ่านประสบการณ์มาแล้ว แต่อารมณ์ที่อยู่ข้างในไม่ได้กดดันน้อยลงเลย โดยเฉพาะกับตัวละคร อ๊อต ที่ต้องแข่งกับความเร็วและมีมอเตอร์ไซค์คู่ใจอยู่ตลอดเวลา

chimon1

“มันแปลกใหม่มากสำหรับผมนะ ส่วนใหญ่ที่เล่นจะได้รับบทเด็กนักเรียน แต่อันนี้คือโตเลย ต้องรับผิดชอบครอบครัว ดูแลน้องและพ่อ เป็นคนรับส่งของ แต่มันจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ซึ่งตอนผมได้อ่านบท มันล้ำมากนะ (หัวเราะ) และพอดีกับการขี่มอเตอร์ไซค์ เป็นสิ่งที่ผมสนใจและอยากลองเล่นดูสักครั้ง เหมือนชีวิตมันจัดสรรให้ผมมาเจอบทนี้”

ในฐานะที่ชิม่อนเรียนนิเทศศาสตร์มา ความสนุกของเรื่องนี้ นอกจากบทที่ได้รับแล้ว เขายังชอบสังเกตเบื้องหลังและการทำงานของก่องถ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำกับของ “ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ” ที่ทำให้ชิม่อนว้าวได้ทุกครั้ง

“ผมไม่คิดเลยว่า พี่ตุ๋ยจะใส่ใจรายละเอียดมากถึงขนาดนี้ แม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เขาเก็บหมด สีหน้า ท่าทาง แววตา อารมณ์ มันจะมีฉากของผมที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์ และรู้ความจริงบางอย่าง ฉากนั้นคือพี่ตุ๋ยบรีฟละเอียดมากว่า อารมณ์ผมต้องนำพาไปถึงจุดไหน แล้วความจริงนั้นมันจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างไร อยากให้ลองไปติดตามกันดูครับ”

นอกจากการได้เรียนรู้การทำงานของพี่ๆ ในกองถ่ายแล้ว ตัวละคร อ๊อต เองได้สอนชิม่อนว่า คิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไร เพราะการขี่มอเตอร์ไซค์ ตัวเขาเองก็ยอมรับว่า สุ่มเสี่ยงและมีความอันตรายมาก แต่โชคดีที่ตัวละครอ๊อตในเรื่องได้คนมาช่วยชีวิตไว้ แต่จะเป็นใคร ชิม่อนขอไม่บอกเราตรงนี้ และให้ไปพิสูจน์ในโรงภาพยนตร์ด้วยตาของคุณเอง

โปสเตอร์เรื่องนี้ออกมาพักหนึ่งแล้ว และแฟนคลับของชิม่อนเองก็อยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้แบบจริงจัง ซึ่งคำถามที่ชิม่อนจะได้รับจากแฟนคลับคือ เมื่อไหร่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้ฉายสักที 11 สิงหาคม ซึ่งผ่านมาแล้ว หนังได้ถูกฉายให้แฟนคลับได้ดูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความรู้สึกของผู้ชม เขาให้ผู้ชมเป็นคนตัดสินเลยว่า ผลงานเป็นที่ถูตาต้องใจแค่ไหน ส่วนตัวชิม่อนเองนั้น หากให้ประเมินการแสดงของตัวเองเต็ม 10 คะแนน จะอยู่ที่ราวๆ …

chimon2

“ผมว่าตัวผมไม่มีราวๆ นะ (หัวเราะ) ผมให้เต็ม 10 ไปเลย เพราะผมทุ่มเต็มที่มาก แม้ตอนแรกจะเกร็งพี่ตุ๋ยหน่อยๆ เพราะพี่เขากำกับหนังใหญ่มาแล้วหลายเรื่อง แล้วเราจะไปสร้างปัญหาหนักใจให้พี่เขาหรือไม่ แต่สิ่งที่พี่เขาบอกกลับมาก็คือ จงทำให้ตัวละครที่เล่นมีเสน่ห์ในแบบของเราเอง จุดนั้นผมคลิกเลยว่า ผมจะต้องดันศักยภาพตัวเองให้เก่งขึ้น เพื่อทำให้ชิ้นงานมันออกมาดีที่สุดในแบบที่ผมเป็น ยังไงขอฝากความตั้งใจและความพยายามของผมใน ใจฟูสตอรี่ ด้วยนะครับ”

พบกับความน่ารักและอุ่นใจของ “ทิกเกอร์-ชิม่อน” ใน “ใจฟูสตอรี่” ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์


Photographer : Pichaipusit Jack Sakura @jack_the_magician

Stylist : Soontorn CH @iamsoontorn24

Clothes : @sawaka.official

Makeup : Chakkapong Phialah @tang_tah

Hair : Tanapon Sae-tang @pom_hairstylista

Photo Assistants : Eirin Kiyota @eirindesu
Editor in Chief : Austin Thein
Interview: Yutthachai Sawnagsamutchai @Youthtumz
Location : Studio VJ