Rado จัดงาน “Rado Novelties 2024” สุดยิ่งใหญ่ อวดโฉมสุดยอดเรือนเวลาหรูจาก 6 รุ่นดังน่าสะสมประจำปี 2024

“ราโด” (Rado) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ที่ก่อตั้ง บริษัท Schlup & Co. ขึ้นในเมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทค เซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัยไม่เหมือนใคร ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว

มร.เรเน่ ฟูลเลอร์ (Mr. René Furler) กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ว่า “Rado Novelties 2024 เป็นการจัดแสดงเรือนเวลาหรูรุ่นใหม่ล่าสุดประจำปี 2024 ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันหลากหลายในตัวเรือนสุดพิเศษที่ผลิตจากวัสดุล้ำสมัยที่เราได้พัฒนาขึ้นมา อย่างไฮเทค เซรามิก ซึ่งโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อรอยขีดข่วน รวมถึงมีน้ำหนักที่เบาสบาย และสำหรับปี 2024 นี้เราได้เปิดตัวนาฬิกาถึง 6 รุ่นดัง นำโดยเรือนไฮไลท์จากคอลเลกชั่น กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ที่มีความเท่สปอร์ตรวมถึงมาในโทนสีใหม่ล่าสุดอย่างสีเขียวมะกอกที่สะท้อนถึงธรรมชาติและการผจญภัย พร้อมกันนี้ยังมีนาฬิกาอีกหลากหลายคอลเลกชั่นให้เหล่านักสะสมและคนรักเรือนเวลาหรูได้รับชมกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ”

โดยภายในงาน “Rado Novelties 2024” จะจัดแสดงสุดยอดเรือนเวลาประจำปี 2024 ที่ประกอบไปด้วย 6 รุ่นดีไซน์ล่าสุด นำโดยเรือนไฮไลท์อย่าง “กัปตัน คุก”  นี้ที่มาในเฉดสีเขียวมะกอกกับ 2 รุ่นแตกต่างกันที่สาย คือ “กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน” (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) สายไฮเทค เซรามิกแบบด้านสีเขียวมะกอก R32150162 ที่เป็นพระเอกในงานนี้ มาพร้อมกับรุ่นสายยาง R32150168 โดยการนำเสนอในคอนเซ็ปต์เนรมิตเมืองให้เป็นพงไพรธรรมชาติในแบบฉบับของคุณ ด้วยการดีไซน์ตัวเรือนในโทนสีเขียวมะกอกที่จะช่วยกระตุ้นถึงความเป็นนักผจญภัยของผู้สวมใส่ ด้านตัวเรือนผลิตจากไฮเทคเซรามิกที่มีโครงสร้างแบบเป็นชิ้นเดียว พร้อมกรอบหน้าปัดผลิตจากสแตนเลสสตีลเคลือบ PVD สีโรสโกลด์และขอบไฮเทคเซรามิกสีเขียวมะกอกแบบด้านที่มีตัวเลขและเครื่องหมายเป็นแบบสลักลวดลายรูปสามเหลี่ยมที่เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมมอบสัมผัสการสวมใส่ที่สบายด้วยสายนาฬิกา 2 แบบ ทั้งสายนาฬิกายางสีเขียวมะกอกแบบด้าน พร้อมบานพับล็อกแบบขยายได้ที่ผลิตจากสแตนเลสสตีล และสายนาฬิกาแบบถักที่ผลิตจากไฮเทคเซรามิกพร้อมบานพับล็อกแบบ 3 ทบที่ทำจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรงทนทานในโทนสีเขียวมะกอกเข้ากันได้ดีกับสีของตัวเรือน นอกจากนี้บริเวณด้านหลังตัวเรือนยังผลิตจากไทเทเนียมแบบขัดเงารูปทรงกลม ที่มีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แบบโปร่งใสสามารถมองเห็นกลไกการทำงานอันทรงพลังของระบบออโตเมติก คาลิเบอร์ R808 ให้ความแม่นยำและเที่ยงตรงอย่างไร้ที่ติ พร้อมแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงทนทานต่อสนามแม่เหล็กได้เป็นอย่างดี และสามารถสำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง มาพร้อมกับความสามารถกันน้ำได้ลึก 30 บาร์ หรือ 300 เมตร

ต่อมาที่รุ่น  “ทรู สแควร์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Square Open Heart) มาใน 2 เฉดสีใหม่ ได้แก่ รุ่นสีขาว ประดับอัญมณี R27073712 และสีเขียวเทอร์ควอยซ์ประดับเพชรแท้ R271767120 ที่ออกแบบมาเพื่อเผยให้เห็นความงดงามของกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้าปัดนาฬิกาได้อย่างชัดเจน โดยในทั้ง 2 รุ่น มีตัวเรือนและเม็ดมะยมทำจากไฮเทค เซรามิกที่มีโครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว ครอบทับหน้าปัดด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ส่วนฝาหลังผลิตจากไทเทเนียมเพิ่มความแข็งแรง ในตัวเรือนรุ่นสีขาวจะถูกประดับด้วยอัญมณี 12 เม็ด แทนตำแหน่งหลักบอกเวลาแบบชั่วโมง ที่ประกอบด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงิน, อะความารีน, ซาโวไรต์, แซฟไฟร์สีเหลือง, สปิเนล, แซฟไฟร์สีชมพู และแซฟไฟร์สีม่วง ในขณะที่ตัวเรือนรุ่นสีเขียวเทอร์ควอยซ์ใช้เพชรคุณภาพสูง Top Wesselton ประดับ 12 เม็ด โดยทั้งสองรุ่นถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ R734 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง มีแฮร์สปริงป้องกันสนามแม่เหล็กที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) เคลือบตกแต่งผิวด้วยลวดลายวงกลมและโครงสร้าง Cote de Geneve บนฐานกลไก ตัวเข็มนาฬิกาสีโรเดียมเคลื่อนบนหน้าปัด มีสัญลักษณ์สมอเรือเคลื่อนไหวในโทนสีโรเดียมที่โดดเด่นบนพื้นหลังสีขาวหรือสีเงิน และสายของนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกขัดเงา

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอย่าง “ทรู สแควร์ x คุนิฮิโกะ โมรินากะ” (True Square x Kunihiko Morinaga) R27086172  ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์เรือนเวลาร่วมกับ คุนิฮิโกะ โมรินากะ (Kunihiko Morinaga) ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ชื่นชอบการออกแบบล้ำยุค โดยครั้งนี้นักออกแบบได้ใช้เทคโนโลยีโฟโตโครมิก (Photochromic) มาใช้บนหน้าปัดนาฬิกาทำให้สนองต่อการเปลี่ยนแปลงเมื่อโดนแสง บางครั้งดูทึบแสงและบางครั้งจะดูโปร่งแสง เพื่อซ่อนและเปิดเผยรายละเอียดโครงสร้างกลไกออโตเมติกที่อยู่ภายในตัวเรือน ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความน่าสนใจและชวนค้นหา บนหน้าปัดเข็มบอกเวลาทั้ง 3 เข็มถูกตกแต่งด้วยสีโรเดียม เข็มบอกชั่วโมงและนาทีประดับขอบสีขาวพร้อมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) ด้านตัวเรือนนาฬิกาเป็นแบบโครงสร้างชิ้นเดียว พร้อมเม็ดมะยมและสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีดำแบบขัดเงา เรียบเนียน เป็นกรอบสวย เล่นแสง สี เงา และมิติได้ดี ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเอกลักษณ์ที่ดูโดดเด่น ฝาหลังทำจากไทเทเนียมผิวสัมผัสแบบพ่นทราย เคลือบ PVD สีดำ เข้ากันได้ดีกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่แกะสลักข้อความ “KUNIHIKO MORINAGA SPECIAL EDITION” ด้านกระจกหน้าปัดผลิตจากคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบกันการสะท้อนแสงทั้งสองด้าน ซึ่งตัวเรือนมาในขนาด 38 x 44 มม. พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ Rado734 ที่สำรองพลังงานได้ 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท เกลียวละเอียด มาพร้อมใบรับรองเรือนเวลารุ่นสุดพิเศษนี้ด้วย

ถัดมาที่ “ทรู ราวด์ โอเพ่น ฮาร์ท” (True Round Open Heart) มาพร้อมกับ 4 รุ่นดีไซน์ใหม่ ได้แก่ สีขาว R27115012, สีพลาสม่า R27108112, สีดำ R27107172 และรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น สีขาวหน้าปัดสะท้อนแสงอาทิตย์ R27115022 ที่มีเพียง 888 เรือนทั่วโลก โดยดีไซน์หน้าปัดมีแรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความอนันต์ (Infinity) และเลข 8 ที่หมายถึงโชคลาภ พร้อมเผยให้เห็นกลไกอันแสนประณีตให้เห็นอย่างน่าตื่นตา โดยจะมี 3 รุ่นในโทนสีหน้าปัดสีขาว สีพลาสมา และสีดำ โดดเด่นด้วยขอบสีทองโรสโกลด์ และเข็มชั่วโมงและนาทีในโทนสีทองโรสโกลด์เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว บนตัวเรือนขนาด 40 มิลิเมตร โดยทั้งตัวเรือน เม็ดมะยม และสายนาฬิกาผลิตจากไฮเทค เซรามิกขัดเงาสีดำ สีพลาสมา และสีขาว ส่วนอีกอีก 1 รุ่น จะเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่มาในตัวเรือนและเม็ดมะยมผลิตจากไฮเทคเซรามิกสีขาวซันเรย์ขัดเงา โครงสร้างแบบตัวเรือนชิ้นเดียว และฝาหลังผลิตจากไทเทเนียม โดยบริเวณตรงกลางประดับด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์แกะสลักคำว่า: LIMITED EDITION ONE OUT OF 888 อย่างพิถีพิถัน โดยจุดเด่นจะอยู่ที่หน้าปัดซันเรย์สีขาวเรืองแสงที่มีเข็มบอกเวลาเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) พร้อมล้อมด้วยวงแหวนสีเทาบนหน้าปัด ซึ่งนาฬิกาทั้ง 4 รุ่นใหม่นี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไกออโตเมติก คาลิเบอร์ R734 ที่มีดีไซน์โอเพ่นฮาร์ท สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง เสริมความแข็งแรงด้วยแฮร์สปริงที่ผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

ต่อมาที่นาฬิการุ่นยอดนิยมของสุภาพสตรี “เซนทริกซ์ โอเพ่น ฮาร์ท” (Centrix Open Heart) เพิ่มความหรูหราบนหน้าปัดด้วยเพชรแท้ Super Jubilé ขนาดหน้าปัด 35 มม ประดับเพชรเพิ่มเป็นประกาย 86 เม็ด ตรงส่วนโค้งด้านล่างของบริดจ์ 2 รุ่น ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 มาพร้อมรุ่น Jubilé ที่ประดับเพชรแท้ 12 เม็ด บนหน้าปัดขนาด 35 มม ได้แก่ รุ่นสีขาว R30029922, สีน้ำตาล R30029902, สีพลาสม่า R30029912 และสีน้ำตาล ขนาดหน้าปัด 39.5 มม R30028902 ในดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่จะดึงดูดทุกสายตาด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ โดยนาฬิการุ่นเซนทริกซ์ (Centrix) นั้นสื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลา คือการเคลื่อนไหว และเพชร คือดวงดาวที่กำลังส่องแสงวาววับอยู่บนท้องฟ้านับเป็นการผสมผสานสองแมททีเรียลอันสะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ระหว่างสแตนเลสสตีล และไฮเทคเซรามิก โดยจุดเด่นของเรือนเวลาคอลเลกชั่นนี้อยู่ที่การประดับตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้ มากกว่ารุ่นก่อนๆ โดยเรียกว่า ‘Super Jubile’ ตัวเรือนสีขาว R30029932 และตัวเรือนสีน้ำตาล R30029942 พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวที่น่าหลงใหลภายในเรือนเวลา โดยมีให้เลือกหลากหลายสีสันตามความชอบ รุ่น Jubilé สำหรับท่านที่ชื่นชอบเพชรไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป ประดับบนตำแหน่งชั่วโมง

ด้านรุ่น “อะนาตอม” (Anatom) มากับสีหน้าปัดใหม่ 3 สี ได้แก่ สีเขียว R10202319, สีน้ำเงิน R10202209, สีคอนยัค R10202309 ซึ่งเป็นรุ่นที่มีความโดดเด่นถูกเปิดตัวเมื่อปลายปี 2023 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และครั้งนี้พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว โดยรุ่น อะนาตอม นับเป็นเรือนเวลาที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ ราโด(Rado) ออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายปี ค.ศ. 1983 นาฬิการุ่นนี้ได้นำเสนอคอนเซ็ปต์ Anatom แห่งการปฏิวัติเรือนเวลา ด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่นูนตามแนวโค้งของสรีระรับกับส่วนข้อมือได้อย่างลงตัว ควบคู่ไปกับตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม และหลังจาก 40 ปี นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก Anatom ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งอย่างสง่างาม ในแบบที่สะท้อนถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ และในครั้งนี้ได้เปิดตัว Anatom กับ 4 รุ่นใหม่ที่มีให้เลือก โดยมี 3 รุ่นที่แตกต่างจากสีของหน้าปัด ที่มีตัวเรือนสีดำรูปทรงสี่เหลี่ยมผลิตจากไฮเทคเซรามิก ด้านหน้าปัดไล่ระดับเฉดสีจากบริเวณตรงกลางตัวเรือนไปยังบริเวณขอบด้านนอกในโทนสีดำเข้ม แตกต่างกันออกไปในแต่ละเฉดสีทั้งสีเขียว, สีน้ำเงิน และสีคอนยัค โดยมีดีเทลหน้าต่างบอกวันที่ตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนเข็มชั่วโมงทำจากโรเดียมเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว พร้อมการขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ R766 ที่เข้ากันได้ดีกับสายนาฬิกายางสีดำคุณภาพสูง

ปิดท้ายที่รุ่น “ไดสตาร์” (DiaStar) นาฬิกาไอคอนิคจาก ราโด (Rado) ที่รุ่นใหม่คือรุ่น “ไดสตาร์” (Diastar) R12161733 สีทองโดดเด่น สะกดทุกสายตา จัดแสดงพร้อมกับรุ่นยอดนิยมตลอดกาลอย่าง “ไดสตาร์ ออริจินัล    สเกเลตัน” (DiaStar Original Skeleton) สีเงินและสีทอง นาฬิการุ่น “ไดสตาร์” (DiaStar) นี้ได้รับความนิยมมาอย่างช้านานตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1972 และได้มีการปรับปรุงด้วยการนำวัสดุ CeramosTM มาใช้เป็นวัสดุบริเวณขอบเบเซิล (Bazel) ในรุ่นสีทองนี้ด้วยช่วยเพิ่มเสน่ห์ และมีความเป็นเอกลักษณ์ในการมองกลไกบนหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ด้วย พร้อมการเลือกใช้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์บริเวณหน้าปัดและฝาหลังช่วยเผยมุมมองให้เห็นกลไกออโตเมติกที่มีรายละเอียดซับซ้อนและสวยงาม ที่มีการสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมแฮร์สปริงผลิตจากนิวาครอง (Nivachron™) ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก

ด้านเหล่าเซเลบริตี้และนักแสดงชื่อดังยังได้ร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกเรือนเวลาเสริมลุคในแบบฉบับของตนเอง เริ่มต้นที่ดีไซเนอร์สาว ขนิษฐา ดรุณเนตร เผยว่า “ส่วนตัวเรามักจะสวมนาฬิกาหรูติดข้อมือแมทช์กับลุคในชีวิตประจำวันอยู่ตลอด โดยจะเลือกจากดีไซน์ที่มีความคลาสสิกสามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้ง่าย อย่างตัวเรือนในรุ่นทรู ราวด์ โอเพ่น ฮาร์ท (True Round Open Heart) ดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีลูกเล่นที่เป็นดีเทลหน้าปัดแบบเปลือยเผยให้กลไกในตัวเรือนวงกลมโทนสีดำเข้ม ช่วยเสริมลุคให้ดูโก้หรูทั้งในวันทำงานไปจนถึงลุคงานปาร์ตี้ที่ต้องการความโดดเด่น”

ถัดมาที่สาวแฟชั่นนิสต้า เฌอปัฐน์ กิตติพรวริษฐ์ เล่าว่า “เราเป็นคนที่ชอบสวมใส่แอคเซสเซอรีอย่างสร้อยข้อมือและแหวนในโทนสีทองรวมถึงสีโรสโกลด์อยู่เป็นประจำ หากถ้าต้องเลือกเรือนเวลาหรูสักเรือนมาสวมด้วยก็จะเลือกเป็นดีไซน์ที่สามารถแมทช์เข้ากับแอคเซสเซอรีได้อย่างลงตัว อย่างตัวเรือนในโทนสีขาวที่มีหน้าปัดสี่เหลี่ยมจากคอลเลกชั่น ทรู สแควร์ โอเพ่น ฮาร์ท (True Square Open Heart)  เราก็ชื่นชอบมาก เพราะมีดีเทลแต่งด้วยอัญมณีหลากสีช่วยเพิ่มความโดดเด่น ไม่ว่าจะแมทช์กับลุคไหนก็จะช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นด้วย”

ต่อมาที่นักแสดงสาวสวย แยม-มทิรา ตันติประสุต เผยว่า “โดยส่วนตัวเราจะชอบเรือนเวลาสไตล์เฟมินีนสำหรับผู้หญิง เพราะตอบโจทย์กับการแต่งตัวของเราได้เกือบทุกลุค อย่างคอลเลกชั่นเซนทริกซ์ โอเพ่น ฮาร์ท (Centrix Open Heart) ในตัวเรือนสีขาวสุดโดดเด่น มีการแต่งขอบในโทนสีโรสโกลด์เข้ากันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังประดับตกแต่งด้วยเพชรแท้ช่วยเพิ่มความหรูหรา เหมาะมากกับชุดเดรสสีดำสำหรับวันออกงานเพราะจะช่วยทำให้ลุคของเราดูมีความน่าค้นหามากยิ่งขึ้น”

ปิดท้ายที่นักแสดงหนุ่มหล่อ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ เล่าว่า “นาฬิกาเป็นแอคเซสเซอรีสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ชายอย่างเรา เพราะนอกจากจะใช้ดูเวลาแล้วดีไซน์ของนาฬิกายังช่วยเสริมลุคเราให้ดูโดดเด่นด้วย อย่างวันนี้เรือนที่เราชอบจะเป็น กัปตัน คุก ไฮเทค เซรามิก สเกเลตัน (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ในโทนสีใหม่อย่างเขียวมะกอก ดูมีความสปอร์ต สามารถแมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลายลุค ไม่ว่าจะเป็นลุควันสบายสวมเสื้อยืดคู่กับกางเกงยีนส์ หรือจะลุคสปอร์ตทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจได้”

พบกับเรือนเวลาหรูหลากคอลเลกชั่นประจำปี 2024 จากงาน “Rado Novelties 2024” แบรนด์ ”ราโด” (Rado) นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่ เคาน์เตอร์ Rado ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการใน Shopee และ Lazada สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-610-0284 และ Line Official Account @radothailand