Cover Interview – WAR OF Y

13 นักแสดง WAR OF Y กับ 1 ความจริงที่พวกเขาอยากบอก

POSH MAGAZINE เกณฑ์เหล่านักแสดง WAR OF Y ทั้ง 13 คน @bbil1ypn @seng_wichai @gung_kunpong @korn3g @markpoom.psn @milk2may @winkungz_ @win_ny2 @toru_taki @f.piyangkull @piggynoii @laylayyo @mmmmmmmuse มาบอกเล่าถึงความรู้สึกหลังการทำงานในเรื่องนี้ ผ่านคำถามเพียงแค่คำถามเดียว แต่คำถามเดียวที่เราส่งไปเพียงพอที่จะแสดงเห็นถึงความตั้งใจของนักแสดงทั้งหมดที่พาเหรดขบวนมาให้พวกเราสัมภาษณ์ถึงที่ ดูสิว่า พวกเขาจะคิดเห็นอย่างไรกับคำถามที่เราส่งไปบ้าง

คู่จิ้นใหม่: บิลลี่-ภัทรชนน & เซ้ง-วิชัย 

คำถาม: เรื่องนี้กำลังบอกทั้งคู่ให้รู้ว่า…

บิลลี่: มนุษย์เรามีตัวเลือกในการดำเนินชีวิตให้เลือกหลากหลายมาก อยู่ที่เราจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน และมนุษย์เรามีพลังในการทะลุขีดจำกัดของความสามารถและศักยภาพออกไปอีก ซึ่งหลายคนมักกำจัดกรอบว่า ตัวเองทำได้แค่นี้ เหมือนผมที่มองว่า ตัวเองได้ทลายขีดจำกัดทางการแสดงของตัวเองออกไปจากตัวละครน็อต ที่ผมยอมรับว่า เขามีทางเลือกให้เลือกเดินเยอะมาก แต่เขาเลือกทำแบบนั้น ซึ่งสุดท้ายแล้ว เขาเองนั่นแหละที่ต้องรับผลตรงนั้นให้ได้

เซ้ง: บางครั้งเราเห็นคนเพียงด้านเดียวไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้ปูมหลังของเขาเลยว่า เขาผ่านอะไรมาบ้าง ความกลัว ความกดดัน ความกังวลที่เขามี กว่าปั้นจะมายืนถึงจุดนี้ได้ เขาแบกรับความเสี่ยงและถูกเพ่งเล็งอยู่ตลอดเวลา เพราะเขาคือบุคคลสาธารณะ ดังนั้นแล้วอย่าเพิ่งตัดสินใคร จนกว่าจะได้รู้จักเขาจริงๆ รวมถึงการอยู่ในวงการนี้ ผมว่าความรับผิดชอบในตัวเองคือสิ่งสำคัญ และตามมาด้วยการเห็นอกเห็นใจคนอื่น เพราะเราต้องทำงานร่วมกันกับคนอื่นอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังก็ตาม

สงครามผู้จัดการ: กัง-กันต์พงษ์ & กร-กรณรัสย์

คำถาม: อยากบอกอะไรตัวละคร ‘กัส’ และ ‘บิว’ ที่ตัวเองแสดง

กัง: เราเข้าใจความปรารถนาดีของนายที่มีต่อบิวนะ แต่นายต้องยอมรับเถอะว่า มันเป็นความปรารถนาดีที่น่าเวียนหัวเขามากๆ เพราะความห่วง ความหวังดี และความมากจนเกินพอดีที่นายมีให้ไป มันไปเผลอคิดแทนบิวเขาว่า เขาต้องรู้สึกแบบนั้น เขาต้องอยากทำแบบนี้ แต่ที่จริงแล้ว เขาแค่อยากมีคนอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจให้เขา แค่นั้นพอเลย แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างมันย้อนกลับมาหานาย หาบิว และหาทุกคน หลังจากนี้ขอให้นายได้บทเรียนนี้จริงๆ และใช้ชีวิตให้ดีขึ้นนะ

กร: เราอยากบีบมือนายแน่นๆ มากเลยบิว แม้นายจะเป็นหนึ่งในตัวละครที่เกิดขึ้นในเรื่อง แต่เป็นตัวละครที่เรารับรู้ความรู้สึกได้เป็นอย่างดี จนบางครั้งเราก็แอบกดดันว่า เราจะทำได้ดีไหม แต่สุดท้ายแล้วมีคนรักในตัวนายเยอะมาก เราเองก็รู้สึกดีใจ และอยากให้นายจำบทเรียนนี้เอาไว้ให้ดีเลยนะว่า ความรักที่มันมากเกินไป บางทีมันอาจเป็นดาบสองคมกลับมาทำร้ายตัวนายและคนที่นายรักที่สุด “รักเกินรักมักทำลาย” นายน่าจะรู้ซึ้งถึงคำนี้ได้แล้วจริงๆ

Y-IDOL: มาร์คพูม-พัสนันต์ / มิ้ล-ณัฐชนน / วิน-จิรภัทร / วินเนอร์-ธนทัต

คำถาม: พูดถึงพาร์ทเนอร์ที่ได้ร่วมงานกันเป็นอย่างไรบ้าง

มาร์คพูม: สำหรับผมกับมิ้ล ต้องทำความรู้จักกันระดับหนึ่งเลยครับกว่าจะแสดงออกมาในแบบที่ทุกคนเห็น เพราะความสนิทในชีวิตจริงจะสามารถช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น ทำให้รู้จังหวะของกันและกัน แต่ด้วยความที่ผมกับเขาคนละขั้วกันมาก มิ้ลเป็นคนที่พูดน้อย ผมเลยอาจใช้ความเป็นตัวเองเข้าไปทำความรู้จักและพูดคุยกับเขามากหน่อย เพื่อปรับจูนระหว่างกัน เพราะผมเชื่อว่า การเป็นตัวเองกับใครสักคนที่เราทำงานด้วย นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว

มิ้ล: สำหรับผมกับมาร์คพูม ใช้เวลามากครับกว่าจะปรับทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางกัน ซึ่งผมว่าสิ่งสำคัญเลยคือ การเปิดใจและเวลา ถ้าเปิดใจเร็ว ก็ช่วยทำให้เราสนิทกันได้ไวขึ้น ผมว่าที่ผมกับมาร์คพูมคลิกกันได้ดีและเร็วระดับหนึ่ง เพราะเจอหน้ากันจนเบื่อกันไปข้าง เลยทำให้ความเป็นเขากับความเป็นเรามันกลืนเข้าหากันได้เองโดยอัตโนมัติ

วิน: สำหรับผมกับวินเนอร์ มีความคนละขั้วกันอยู่กลายๆ ทั้งคู่พูดเยอะ แต่พูดกันคนละเรื่อง ทำให้การปรับจูนในช่วงแรกค่อนข้างช้า และมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้เปิดใจด้วยกัน แต่พอเราเจอจุดนั้นและค่อยๆ เผยความหมายในสิ่งที่เราพูดออกไป กลายเป็นว่าพวกเราสนุกกับการทำงานมาก และเป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ซึ่งผมเลยคิดว่า รู้แบบนี้น่าจะเปิดใจคุยกับเขาตั้งแต่แรกไปแล้วจะได้จบๆ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า เพิ่งรู้จักกันใหม่ บางทีก็ต้องมีการหยั่งเชิงกันบ้าง

วินเนอร์: สำหรับผมกับพี่วิน ผมเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ พอเห็นอีกฝั่งเป็นพี่ อาจไม่รู้ว่าต้องเข้าหาเขาอย่างไร แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พอต้องทำงานด้วยกัน อย่างไรก็ต้องคุยเพื่อทำความรู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น ผมเลยเลือกที่จะเข้าหาพี่เขาก่อน พูดออกไปเลยว่า “พี่ ผมเป็นคนแบบนี้นะ” แล้วค่อยๆ แลกเปลี่ยนเรื่องในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ มันเลยทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น หรือบางครั้งเปิดใจมากไป มีการแกล้งกันไปแกล้งกันมา จนโดนพี่ชีวิน (ผู้กำกับ) ตักเตือนก็มีมาแล้วเหมือนกัน ​

เมีย: เฟิร์ส-ปิยังกูร / โทรุ ทากิซาว่า / เปเปอร์-พีรดา

คำถาม: สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับตัวละคร ‘อาชิ’ ‘โมสต์’ และ ‘เฟิร์น’

เฟิร์ส: สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องคือ ทุกตัวละครล้วนมีความสัมพันธ์ระหว่างกันและกระทบชิ่งกันไปมาหลายคน อย่างตัวละครอาชิเอง ก็พลิกไปพลิกมาในแบบที่ผู้ชมเองก็คาดไม่ถึง ส่วนหนึ่งที่เฟิร์สมองว่า ยากสำหรับอาชิคือ ความคิดความอ่านมันโตกว่าผมมากๆ รวมถึงตัวละครมันกลมและมีมิติแบบสุดๆ ผมถึงขั้นเคยพูดกับพี่ชีวิน (ผู้กำกับ) เลยว่า ถ้าผมเล่นและผ่านมันมาได้คือเก่ง และผมผ่านมันมาได้ (หัวเราะ)

โทรุ: ความสัมพันธ์ในวงการบันเทิงเป็นเรื่องซับซ้อนครับ ยากจะคาเดา โดยเฉพาะกับเรื่องราวความรัก ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบขนาดนั้น มีทั้งด้านขาว ดำ และเทา ซึ่งความเทานี่แหละทำอย่างไรให้มันดูเทาที่สุด ซึ่งตัวละครโมสต์เป็นแบบนั้น แม้นิสัยมันจะใกล้ตัวเรามาก แต่มีบางอารมณ์ ถ้าหากใครได้ดู จะรู้สึกเลยว่า นี่ไม่ใช่โทรุ นี่คือโมสต์ ซึ่งเราต้องแสดงอีกขั้นหนึ่ง ดีใจที่ได้เล่นอารมณ์ที่ท้าทายตัวเองขึ้นไปอีก

เปเปอร์: ความเดาอะไรไม่ได้นี่แหละมันคือเสน่ห์ แล้วตัวละครเฟิร์นน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องทั้งหมด เหมือนที่โปสเตอร์บอกไว้ว่า “มีเมียแล้ว อนาคตจะย่อยยับ?” ความยากของมันก็คือ เราจะแสดงยังไงให้เป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง มันนี้น่าจะปราบเซียน เพราะทุกเรื่องคือปูมาดีมาก จะให้มาเสียที่เราก็คือไม่ใช่ เราเลยใส่แบบเต็มที่ไม่มียั้งเลย หวังว่าทุกคนจะชอบในตัวละครนี้

เชื่อมจักรวาลทั้ง 4: ทะเล สงวนดีกุล และ มิวซ์-ณัฐวิทย์ 

คำถาม: 1 ประโยคที่อยากบอกถึงตัวละคร ‘ดิว’ และ ‘พี’

มิวซ์: “แคร์คนรอบข้างบ้าง” คำพูดมันดูง่ายแต่ทำยาก หากไม่ได้รู้ปูมหลังของดิวจริงๆ บางทีคนอื่นอาจมองว่า ดิวสนใจแต่ตัวเอง มองคนอื่นในแง่ร้ายหมด แต่ทุกการกระทำ มีเบื้องหลังซุกซ่อนอยู่เสมอ ผมเลยอยากจะเตือนเขาว่า ไม่ต้องพยายามหาซีนให้ตัวเองขนาดนั้น คุณมีความสามารถในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ต้องตะเกียกตะกาย พยายามป่ายปีนไปให้ถึง จนลืมมองคนข้างตัวไป ซึ่งผมเองอยากให้เขาห่วงคนใกล้ตัว ผมมองว่า คนใกล้ตัวหรือคนรอบข้างเขา จะช่วยผลักดันให้เขาอยู่ในวงการนี้อย่างสวยงามและไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิม

ทะเล: “เหนื่อยไหม” คำพูดมันดูเรียบง่ายมาก แต่เป็นสิ่งที่ถ้าเราไปเจอตัวละครพีแบบจริงๆ ได้ เราอยากเข้าไปถามเขาเหมือนกัน เพราะผมผูกพันกับตัวละครตัวนี้ แม้เขาเองเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงที่ติดลมบนไปแล้ว แต่ท้ายที่สุด เพราะจุดที่ยืนอยู่ มันทำให้เขาต้องดิ้นรนอะไรบางอย่าง เพื่อรักษาสิ่งที่ตัวเองมีหรือเคยมี โดยที่ไม่มีใครอยู่ข้างเขาจริงๆ ขนาดคนใกล้ตัวยังทำกับเขาได้ถึงขนาดนั้น ไม่ว่าจะแสวงหาผลประโยชน์ หรือเกาะชื่อเสียงใดๆ ก็ตาม ซึ่งพอเขามองไปยังปลายทางจริงๆ มันว่างเปล่าและไม่มีใคร ผมเลยมองว่า ถ้าเขาใส่ใจคนรอบข้างอื่นบ้าง ที่ไม่ใช่แค่คนที่ตีสนิทเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว ผมว่าชีวิตเขาจะสนุกและมีค่ามากขึ้น

1 คำถามแต่ล้านความรู้สึก ถ้าใครอยากร่วมสัมผัสความรู้สึกนี้ไปพร้อมๆ กับพวกเขาทั้ง 13 คน ติดตาม WAR OF Y ทาง AIS PLAY ในเวอร์ชั่น Director’s Cut ได้ทุกวันอังคาร 21.00 น. และดูย้อนหลังฟรีทุกเครือข่าย เวลา 23.00 น.


Creative Director / Photographer : Termsit Siriphanich @termsit

Stylist : @iamsoontorn24

Stylist Assistant : @modxthanat

Clothes : @ppgroupthailand @loewe @zaraman @sawaka.official @thee.te @baaasw @no___pun___intended @trailazada

Makeup : @makechatup @napakmakeup

Hair : Tanapon Sae-tang @pom_hairstylista

Editor in Chief : Austin Thein

Interview : Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz

#WAROFYxPOSH