Cover Interview – Tre Porapat and Petch Boranin

“ตรี-เพชร” แท็กทีมตอบควิซ “พนมนาคา VS ไลฟ์สไตล์” แบบม้วนเดียวจบ

“พนมนาคา” ในจอก็ดุดันด้วยความเป็นพี่น้องคนละขั้วกันอย่าง “อนันตชัย” และ “อเนกชาติ” ที่เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ซึ่ง POSH MAGAZINE THAILAND ก็เดาไม่ถูกหรอกว่า เรื่องนี้จะจบแบบหมู่หรือจ่าตามสไตล์ “อย่าไว้ใจช่องวัน” แต่เราได้ “ตรี-ภรภัทร” และ “เพชร-โบราณินทร์” มาทบทวนความประทับใจของพวกเขาเกี่ยวกับการแสดงเรื่องนี้ผ่านควิซ 12 ข้อคละสไตล์ 

เรื่องละคร “พนมนาคา” ครึ่งหนึ่ง เรื่อง “ไลฟ์สไตล์” ของพวกเขาครึ่งหนึ่งแบบวิน-วินทั้งเราและเขา โดยให้เลือกตอบเพียง 6 ข้อเท่านั้น กติกามีอยู่นิดเดียวคือ ข้ามได้ 1 ครั้งหากไม่แน่ใจหรือไม่อยากตอบคำถามนี้ แต่หลังจากนั้น ทั้ง 2 คนต้องตอบคำถามที่จับได้แบบรวดเดียวจบ บอกคำเดียวว่า ผู้ชายทั้ง 2 คนเลือกเล่นแบบไม่มีข้าม แถมทั้งคู่ยังมือทองในการจับคำถามครั้งนี้อีกด้วย

เริ่มจาก “ตรี” กันก่อนเลย …

คำถามที่ 1: จงเติมคำในช่องว่าง (มี 2 คำตอบ)

รัก … ในตัวละคร “อนันตชัย”​ ที่สุด และ ไม่ชอบ … ในตัวละคร “อนันตชัย” ที่สุด

ตรี: รักในความเป็นคนดีของเขา อย่างเวลาเรามีเรื่องไม่พอใจ ไม่สบายใจ เราก็สามารถพูดตรงๆ กับคนที่สนิทหรือใกล้ชิดได้ บางอย่างก็อาจจะทำตามความรู้สึกตัวเอง แต่การเป็น “อนันตชัย” เขาต้องเสียสละหลายสิ่งมาก ไม่ได้ทำตามใจตัวเอง แต่จะตามใจตัวเองเพียงอย่างเดียวคือ “ความรัก” นอกนั้น เขาต้องทำหน้าที่และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพราะมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่รอเขาอยู่

  ส่วนที่ไม่ชอบคือ “ความแก่” อีกนิดหนึ่งเขาคือปู่ทวดผมแล้วนะ (หัวเราะ) ตอนแสดงมันเลยยากมาก แล้วผมเพิ่งจะอายุ 28 ปี ก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่า คนที่เขาอยู่มาเป็นร้อยเป็นพันปี เขาจะมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไร เลยต้องทำการบ้านหนักมากและต้องเชื่อให้ได้ว่า เราคือ “อนันตชัย” จริงๆ ในอีกโหมดหนึ่ง 

คำถามที่ 2: ช่วงนี้อินหรือเนิร์ดกับเรื่องนี้ที่สุด

ตรี: อินเรื่องกฎหมาย ด้วยภาษาที่ยากและศัพท์เฉพาะทาง ยิ่งโลกแห่งทนายความที่มีเรื่องของการเป็นตัวแทนและการเอาชนะอยู่ มันเลยพูดแบบด้นสดไม่ได้ ต้องใช้วิธีท่องจำจริงๆ แต่จะท่องจำอย่างไรแล้วแสดงให้เป็นธรรมชาติได้ ก็ยากขึ้นไปอีกขั้น หลักฐานคืออะไร เราจะเอาอะไรจากพยานโจทก์ ต้องการอะไรจากทนายโจทก์ ปกป้องจำเลยอย่างไร ทุกอย่างมีรายละเอียดแตกต่างกัน

นอกจากนี้ มันไม่ได้มีแค่เรื่องทนายเพียงอย่างเดียว แต่มันมีเรื่องการเป็นพ่อคนเข้ามาเพิ่ม และกำลังจะเป็นผู้ชายที่มีความรักอีกครั้ง ซึ่งความรู้สึกตรงนี้ ก็ซ้อนทับความเป็นทนายเข้าไปอีก ดังนั้น ทนายก็ต้องคงคาแร็คเตอร์ ไหนจะต้องก้าวข้ามบทที่ไม่ใช่การพูดแบบท่องจำ มันเลยทำให้ผมเหนื่อยพอสมควรกับละครเรื่องใหม่อย่าง “คดีรักร้าง” ที่หน้าที่ของตัวละครก็ต้องรับผิดชอบหลายสิ่งหลายอย่างเยอะอยู่แล้ว ผมยังต้องมาอินและเนิร์ดเรื่องศัพท์รวมถึงวิธีการพูดเชิงกฎหมายเป็นพิเศษด้วย

คำถามที่ 3: ฉากไหนใน “พนมนาคา” ที่คุณอยากเล่าเบื้องหลังการแสดงมากที่สุด

ตรี: ขอเป็นฉากนี้แล้วกัน “ฉากกินข้าว” เป็นฉากที่ต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ฉากกินหมูกระทะ นึกภาพตาม มันจะต้องปิ้งหมู กิน พูด เติมน้ำซุปไปด้วย คือมีหลายกิริยาและหลายอิริยาบถ ซึ่งทุกอย่างมีจังหวะการเล่นของมันให้สอดคล้องไปทั้งหมด และอีกเรื่องที่อยากเล่าคือ ผมเป็นคนที่เคี้ยวแล้วพูดไม่ทัน อย่างเวลาเรากินข้าวในชีวิตจริง ก็จะเคี้ยวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูด แต่ทางละครมันอาจจะต้องพูดและกินไปด้วย นั่นเลยทำให้ผมไม่ค่อยชอบฉากกินข้าวสักเท่าไหร่ เพราะมันเล่นและจับจังหวะยากพอสมควร

คำถามที่ 4: 1 สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวคุณมากที่สุด

ตรี: “ผมเป็นไฮโซ” เขาอาจจะมองผมจากภายนอก เช่น รสนิยมการใช้ของหรือภาพในโซเชียลมีเดียที่เห็น แต่ถ้าเป็นไฮโซจริง ผมจะมานั่งอยู่ตรงนี้เหรอ (หัวเราะ) เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวผม ซึ่งถ้าให้ผมลองนึกย้อนดูตัวเองว่า ทำไมคนถึงมองมาแบบนั้น อาจเป็นเพราะผมหน้านิ่ง ไม่ได้ยิ้มตลอดเวลา เลยทำให้รูปลักษณ์ของผมกลายเป็นคนสุขุม ดูถือตัว และหลายคนอาจจะมองว่า ผมหยิ่ง เข้าถึงยาก แต่ถ้าได้รู้จักกันจริงๆ ผมก็คนธรรมดา บางครั้งก็อาจจะบ้าๆ บอๆ คนหนึ่งนี่แหละ

คำถามที่ 5: จะโกรธและโมโหที่สุด ถ้ามีคนทำนิสัยแบบนี้ใส่

ตรี: โกหก ไม่ชอบคนโกหก เพราะตอนเด็กๆ เราเคยเป็นคนโกหกคนหนึ่ง เคยมีเรื่องใหญ่จนถึงขั้นเรียกตำรวจมาเลย ซึ่งผลสุดท้ายเราก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้น เราก็ค่อยๆ เติบโต รับรู้โลกมากขึ้น และเชื่อว่าการพูดความจริงเป็นเรื่องที่ดีกว่า ถึงแม้ว่าเราทำผิด ก็ขอให้กล้าที่จะยอมรับความจริง กล้าที่จะยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่า มันสบายใจกว่าที่จะโกหกไปเรื่อยๆ มันเหนื่อยกว่ากันหลายเท่า 

ยกตัวอย่าง เวลานัดใคร ผมไม่เคยสาย ยกเว้นจะรู้ตัวว่าสาย ก็จะโทร.บอกก่อนเลยว่า อาจจะไปถึงสาย ไม่เคยโกหกว่า จะถึงแล้ว แต่เพิ่งออกหรือยังอยู่ระหว่างทาง ไม่ออกก็บอกว่ายังไม่ออก เพราะเราเข้าใจความรู้สึกของคนรอ แล้วไม่รู้ว่าเขาจะมาเมื่อไหร่ ซึ่งมันโยงกลับเข้าไปในละครได้ เพราะตัว “อนันตชัย” เขาก็รอมานานมากๆ เหมือนกัน แม้เพียงแค่ 1 นาที ผมว่ามันก็นานมากพอแล้วสำหรับคนที่รอ

คำถามที่ 6: อยากบอกอะไรกับตัวละคร “อนันตชัย” ที่สุด

ตรี: “ขอบคุณ” แล้วกัน แค่นี้สั้นๆ กับครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้แสดงเป็นพญานาค ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง และครั้งหนึ่งในการแสดงที่ได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้ และไม่รู้ว่าจะได้แสดงเป็นพญานาคอีกเมื่อไหร่ ซึ่งพอได้แสดงจริง ผมอยาก “ขอบคุณ” อนันตชัยที่ให้ได้ไปเจอกับโลกอีกใบที่เป็นโลกใหม่ทางการแสดงของผม ได้รู้จักประเพณี ได้เรียนรู้ความเชื่อ ได้เห็นถึงความศรัทธา และได้รู้จักกับความรักในอีกมุม มันทำให้ผมเติบโตและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นจากเรื่องนี้จริงๆ เลยเป็นคำเดียวสั้นๆ ว่า “ขอบคุณ” 

ต่อมาที่ “เพชร” คำถามที่ได้คือ …

คำถามที่ 1: ความเหมือนและต่างที่สุดของ “อเนกชาติ” และ “เพชร”

เพชร: ถ้าให้ว่ากันตามตรง มันไม่เหมือนตั้งแต่คนกับพญานาคแล้ว โดยเฉพาะนิสัยคือเรียกได้เลยว่า ต่างกันสุดขั้ว แต่พอมาได้เรียนรู้ตัวเขา เราเข้าใจเขามากๆ ว่า เขาเป็นแบบนี้เพราะอะไร เขาอยากได้อยากมีสิ่งนี้ด้วยเหตุใด ซึ่งกลายเป็นว่า ผมสงสารเขาจับใจ เพราะเขาเติบโต เดินทาง และอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด แต่เขากลับไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง แม้จะใช้วิธีที่ถูกต้องเพื่อให้ได้มันมาแล้วก็ตาม แต่คนอื่นกลับไม่สนใจ เขาเลยมุ่งทางไม่ดีและเลือกใช้วิธีผิดๆ ในการให้ได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง 

คำถามที่ 2: ละคร หนัง หรือซีรีส์ที่อยากแนะนำคนอื่นให้ไปดูมากที่สุด (ห้ามตอบละครตัวเอง)

เพชร: ถ้าเป็นฝั่งฮอลลีวูด ผมชอบ Batman ไตรภาคของ Christopher Nolan หนึ่งเลย ผมชอบ Batman อยู่แล้ว ตามอ่านการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งพอ Christopher Nolan บอกว่า จะมากำกับ Batman ผมยิ่งชอบในรายละเอียดที่เขาใส่มา ไม่ว่าจะเป็นฝั่งโปรดักชั่นที่เป็นวิธีการถ่ายหรือการสร้างตัวละครอย่าง Joker ทุกอย่างมันน่าจดจำหมดเลย 

  ส่วนของฝั่งเกาหลี ผมชอบ Vagabond รอคอยให้เขากลับมาแบบสุดๆ ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและเดาทางอะไรไม่ได้เลย แต่สุดท้ายแล้วตลบคนดูแบบหงายหลัง เรียกได้ว่า ทั้งคนเขียนบทและผู้กำกับฉลาดในการเล่าเรื่องแบบสุดๆ อีกเรื่องที่แนะนำคือ Dr.Romantic เรื่องนี้มีอะไรที่มากกว่าความเป็นแพทย์ เพราะมันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างความถูกต้องและจรรยาบรรณแพทย์ที่ตั้งคำถามกับความคิดของคนดูได้อย่างแยบยลมากๆ

คำถามที่ 3: เซอร์ไพรส์กับการแสดงใน “พนมนาคา” ของคนคนนี้ที่สุด

เพชร: ผมชอบน้องที่เล่นเป็น “นารี” ที่เป็นเด็กงู คือน่ารักมาก ผมมาย้อนดูละครทีหลัง แล้วเห็นน้องแสดง ซึ่งน้องเล่นออกมาได้เป็นธรรมชาติมาก เพราะตอนแสดง ผมอยู่คนละฝั่งกับน้อง ก็จะไม่ได้เห็นกันและกัน จะมาเห็นอีกทีก็ตอนละครออกอากาศแล้วนี่แหละ น้องเล่นน่ารักดี ชอบๆ 

คำถามที่ 4: อยากลืมหรือลบเรื่องนี้ออกจากชีวิตที่สุด

เพชร: อยากลืมเรื่องพ่อในวันที่แม่โทร.มาบอกว่า เขาไปแล้ว ซึ่งพ่อผมเป็นโรคพาร์กินสันและช่วงหลังเขาเริ่มเข้าสู่ภาวะการเป็นผู้ป่วยติดเตียง วันที่แม่โทร.มาบอก จำเวลาได้เลยคือ เกือบเที่ยงคืน แม่เล่าว่า พ่อหลับเหมือนเข้านอนปกติเลย แต่ตอนเช้าคือ พ่อไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว ช่วงนั้นงงกับตัวเอง ช็อก ทำอะไรไม่ถูก นิ่งและเคว้งไปเกือบ 2 ชั่วโมง แล้วก็ไม่ได้นอนจนถึงเช้า มันเป็นวันที่ผมจำได้แม่นที่สุด แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 2-3 ปีแล้วก็ตาม 

คำถามที่ 5: 1 สิ่งที่ได้เรียนรู้มากที่สุดเกี่ยวกับการแสดงใน “พนมนาคา”

เพชร: ถ้าได้เรียนรู้มากที่สุดก็คงจะเป็นการที่เราได้เป็นอีกคนแบบเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมยังไม่เคยได้ตัวละครลักษณะนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังมีแบบทดสอบจากแอ็คติ้งโค้ชที่น่าสนใจให้ผมได้ฝึกเพิ่มเติมอีกด้วย เช่น สวมตัวละครวันละ 3 ช่วง ช่วงละ 10-15 นาที เพื่อให้คุ้นชินกับคาแร็คเตอร์ โดยให้ตัวละครเข้าและออกในร่างกายผมทุกวัน แอ็คติ้งโค้ชบอกว่า จะช่วยให้ตัวละครแข็งแรงและมั่นใจขึ้นเวลาแสดง ยอมรับตามตรงว่า ผมเองก็ยังไม่เคยได้การบ้านหรือแบบทดสอบที่ยากขนาดนี้มาก่อน และก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้

คำถามที่ 6: เต็ม 10 คิดว่าคะแนนมากที่สุดที่จะให้กับการแสดงใน “พนมนาคา” ของตัวเองคือ…

เพชร: ให้ 8 คะแนน เพราะยังเห็นแผลของตัวเองในทุกฉากอยู่เลย แม้ที่ผ่านมาเราจะทำอย่างเต็มที่แล้ว เป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ ที่มักจะเห็นแผลบางอย่างจากการดูละครหรือผลงานย้อนหลังของตัวเอง เช่น ทำไมฉากนั้นถึงไม่ทำแบบนี้ หรือถ้าทำอีกอย่างกับฉากนี้ ก็คงจะออกมาดีกว่านี้ บางทีบางตัวเลือกอาจนำพาเราไปในการแสดงที่ดีกว่า เลยคิดว่า 2 คะแนนที่หายไปคือ อยากจะกลับไปแก้ไขและซ่อมแผลเหล่านั้นให้ดีขึ้น

 

หลังจากจบเกม ทั้ง “ตรี-เพชร” ขอรู้คำถามอีก 6 ข้อและตอบคำถามเหล่านั้นทั้งหมด POSH ขอสงวนสิทธิ์คำถามและคำตอบเหล่านั้นไว้ เผื่อครั้งต่อไปเราอาจได้คุยกับ “ตรี-เพชร” และนำคำถามเหล่านั้นกลับมาถามอีกก็ได้ ใครจะไปรู้ 

และ POSH ขอเป็นกำลังใจให้นักแสดงทั้ง 2 ท่านในโปรเจกต์ต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้นด้วย


Creative Director and Photographer : Termsit Siriphanich @termsit

Stylist : @maylinpaipai

Makeup/Hair : Kampanat Wongsalung  @_zofear99

Editor in Chief : Austin Thein

Interview : Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz