ลุกเซิ้ง ม่วนคัก ไปกับ ‘ต้าวหยอง – ท็อป นรากร’ ใน ‘ฮักเจ้าอีหลี’
เมื่อหมอลำแห่งยุคมาปะทะกัน ความม่วนคักม่วนหลายจึงอุบัติขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ ยิ่งทวีความน่าสนใจให้เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว POSH MAGAZINE THAILAND กำลังพูดถึง ‘ฮักเจ้าอีหลี’ หนังเล่าวิถีชีวิตหมอลำในมุมของคนรุ่นใหม่ที่ได้กลิ่นอายกลิ่นอายอีสานร่วมสมัยไปแบบเต็มๆ
เราเลยพา ‘ต้าวหยอง – ท็อป นรากร’ มาบอกเล่าถึงความประทับใจในการทำงานระหว่างกัน ไม่แน่ว่าหลังอ่านบทสัมภาษณ์นี้ คุณจะฮักพวกเขาอีหลีแบบหมดหัวใจ
ภาพยนตร์ครั้งแรกของทั้งคู่
ต้าวหยอง: มันไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเรื่องนี้ครับ อย่างแรกคือใกล้ตัวผมมากๆ กับความเป็นหมอลำ และถือเป็นโอกาสพิเศษมากๆ สำหรับผมที่จะได้ลองชิมลางการแสดงที่เป็นการแสดงแบบจริงจังครั้งแรก เลยถือโอกาสนี้รับแสดงเรื่องนี้ เพื่อเป็นอีกบทเรียนหนึ่งในชีวิตการทำงานในวงการบันเทิงของผม ซึ่งผมทำออกมาแล้ว รู้สึกภาคภูมิใจกับมันมากๆ
ท็อป นรากร: บอกก่อนเบื้องต้นว่า ผมไม่มีประสบการณ์ทางการแสดงเลย ความรู้สึกคือตื่นเต้นที่จะต้องเข้าฉากกับเพื่อนหรือพี่ๆ ศิลปินที่เขามืออาชีพกันอยู่แล้ว มันมีความกดดัน แต่ผมคิดว่า ผมจะเปลี่ยนความกดดันให้เป็นพลัง เพราะเราได้โอกาสทางการแสดงนี้มาแล้ว ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ความรู้ใหม่ๆ ที่ทำให้ผมได้แสดงศักยภาพของตัวเองอีกด้านหนึ่งที่ยังไม่เคยทำมาก่อน
มองตัวเองผ่านหนัง
ต้าวหยอง: ผมว่าไม่ต่างกันมากนะ ผมเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว อาจมีมุมเงียบบ้าง ถ้าไม่ได้รู้จักหรือสนิทกับใครคนนั้นเป็นพิเศษ แต่ถ้าคนที่ผมรู้จักหรือสนิทด้วย ผมจะเดินเข้าไปทักก่อนเลย ส่วนเรื่องการแสดง แม้จะเป็นสิ่งที่ผมเคยทำมาบ้างแล้ว แต่กับหนังผมว่ามันผิดกัน โดยเฉพาะตอนฉากขึ้นเวที ถ้าเวทีจริง เราจะมีอิสระประมาณหนึ่ง แต่ด้วยหนังที่มีเฟรมภาพเฉพาะ เราอาจต้องจำบล็อกกิ้งให้ได้ ขยับไปทางนี้ หรือเดินไปจับสิ่งนั้น
ท็อป นรากร: ผมว่าเป็นภาพสะท้อนตัวผมจริงๆ แต่ในชีวิตจริงไม่ได้ทำตัวให้เด่นและน่าหมั่นไส้ขนาดนั้น (หัวเราะ) เพราะเรื่องกำลังเล่าถึงนักแสดงหมอลำจริงๆ ทุกคนอยากพัฒนาตัวเองไปอยู่ในจุดที่มีชื่อเสียง ถ้าในความเป็นจริง ทุกอย่างคือความกดดัน แต่สำหรับหนัง มันผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมมีความสุขไปกับมัน
การทำงานระหว่างกัน
ต้าวหยอง: แม้จะเป็นเรื่องแรกผมว่า ท็อปพลิ้วกว่าผมอีกนะในเรื่องการแสดง เพราะเขาเป็นคนทำการบ้านหนักมาก และถามฟีดแบ็คจากผู้กำกับและนักแสดงคนอื่นๆ ตลอดว่า เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งผมมองว่า เขาเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดการแสดงมากจริงๆ
ท็อป นรากร: ผมมองว่า ทุกคนอยากทำผลงานเรื่องนี้ออกมาให้เต็มที่ ต้าวหยองเองก็เหมือนกัน เขาท่องบทและฝึกการแสดงของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมเลยคิดว่า ทั้งคู่ยังคงต้องฝึกไปเรื่อยๆ ครับ หากจะอยู่ในวงการนี้ และทำงานในวงการนี้แบบจริงจัง
ความสนุกที่จะเกิดขึ้นใน ‘ฮักเจ้าอีหลี’
ต้าวหยอง: ก่อนอื่นเลย ขอบคุณทางค่าย M39 ที่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลงานเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผลงานที่ผมภาคภูมิใจมากๆ และผมคิดว่าแฟนๆ ที่ชื่นชอบในหมอลำและติดตามวงการนี้ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว รวมถึงท็อปด้วย น่าจะยินดีและดีใจมากๆ ที่เห็นพวกเราทั้งคู่แสดง และได้เห็นวงการหมอลำขึ้นมาสู่จอภาพยนตร์สักที อย่างไรก็ฝากผลงานด้วยนะครับ สนุกแน่นอน
ท็อป นรากร: ได้เจอเพื่อนอย่างต้าวหยองและพี่ๆ นักแสดงมืออาชีพอย่างพี่ตูมตาม พี่เต๋า ทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง และมีเสน่ห์มากๆ ผมเลยคิดว่า เสน่ห์นี้น่าจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รักของใครหลายๆ คนได้ไม่อยากจากความเป็นมืออาชีพและความเป็นธรรมชาติของพวกเราในวงการหมอลำด้วยกันเอง อย่างไรฝาก ‘ฮักเจ้าอีหลี’ ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะครับ
Photographer : Pichaipusit Jack Sakura @jack_the_magician
Stylist : Suranan Ponganan @tonnton.tsp
Makeup : Chanon treeworakhunchai @auhaee_makeup59
Hair : @anne_1299.p
Clothes : @cashmeremuseum.bkk / @treeteetee @tutiofficial_
Editor in Chief : Austin Thein
Creative Director : Termsit Siriphanich @termsit
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz