ทบทวนการแสดงจากวันแรกจนถึงวันนี้ของ “มอส-แบงค์” ในซีรีส์ Sunset x Vibes (เพียงชลาลัย)
ถ้าให้ถามว่า ไวป์การแสดงของคู่นี้เปลี่ยนไหม ก็บอกได้เลยว่าเปลี่ยน เพราะจากคู่อริกันใน “มังกรกินใหญ่” ของ “มอส-ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ” @moslhong และ “แบงค์-มณฑป เหมตาล” @isbanky มาสู่โรแมนติกคอเมดี้ของ “พี่ซัน-หนูลิน” คุณหนูนักศึกษาฝึกงานในบริษัทผู้บอจิวเวลรี่สุดเซ็กซี่ ใน Sunset x Vibes (เพียงชลาลัย) แถมมันยังมีพันธะสัญญาในอดีตที่ผูกติดกันมาอีก ความสนุกของเรื่องนี้เลยคูณเป็น 2 เท่า
เราเลยไม่พลาดที่จะจับเข่าคุยกับทั้ง 2 คนถึงพัฒนาการทางด้านการแสดงที่ผ่านมา ทบทวนความรู้สึกในตัวละครของตัวเอง พร้อมประเมินถึงสิ่งที่ตัวเองทำ และสิ่งที่อยากถามตัวละครได้ 1 อย่าง ถ้าถามได้
พัฒนาการที่เพิ่มขึ้นจาก ‘มังกรกินใหญ่’ สู่ ‘เพียงชลาลัย’
มอส: ผมว่าผมพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้านเลยจากคนไม่เก่งอะไรเลยสักอย่าง เป็นคนบ๊วยสุดในแถว มาวันนี้ผมอัพสกิลขึ้นมาได้เยอะมาก เพราะว่าตอนนี้ผมย้อนไปดูมังกรกินใหญ่แล้วก็มาดูเพียงชลาลัย ความรู้สึกมันต่างกันครึ่งหนึ่งเลย ซึ่งผมรู้สึกว่า เรื่องนี้ผมไม่ได้แสดงเป็นตัวเองเลย อาจไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นตัวเอง ซึ่งมันยากกว่าเดิมมากๆ แต่มันกลายเป็นว่า ผมแสดงได้ดีขึ้นหลายอย่าง สมเหตุสมผลมากขึ้น ดูเป็นคนจริงๆ มากขึ้น
แบงค์: ผมมองว่าเรื่องนี้ตัวเองมีความผ่อนคลายมากขึ้น เพราะเราเข้าใจตัวละคร เข้าใจว่าฉากนี้จะเกิดเหตุอะไร เกิดขึ้นเมื่อไหร่ นั่นทำให้สิ่งที่ผมต้องเติมเพิ่มคือ จังหวะการแสดงที่หลากหลายมากขึ้น ลินสามารถเล่นแบบนั้นแบบนี้ได้ และทำให้ตัวละครกลายเป็นมนุษย์หรือคนจริงๆ ที่เราเห็นได้ตามท้องถนนทั่วไป รวมถึงการถ่ายทำในเรื่องนี้ยากขึ้นกว่าหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นฉากใต้น้ำ ฉากเต้นรำ ฉากขี่ม้า มีแต่ความท้าทายใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลยที่ต้องทำให้ได้ ยังไม่นับรวมว่า ต้องไปเรียนรู้ด้านอัญมณีให้เข้าใจถึงเบื้องหลังการผลิตของมันด้วย
ความกังวลที่ “มอส-แบงค์” ต้องเจอในบทบาท
แบงค์: สิ่งที่กังวลมากคือ เรากลัวว่าตัวเองจะพูดผิด จะสื่อสารอารมณ์ออกไปได้ไม่ชัดเจน ทำให้ตัวละครไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ พอเรากลัวมากจนเกินไป กลายเป็นว่า หนูลินมันแอบไม่มีเสน่ห์และเหมือนหุ่นยนต์ไปหน่อย เราเลยต้องปรับความเป็นหนูลินเยอะพอสมควร กับอีกอย่างที่บอกไปคือ เรื่องนี้ทักษะให้อัพสกิลตัวเองเยอะมาก อย่างการดำน้ำ มันยากที่สุดสำหรับผมนะ แต่มันก็สนุกที่สุดเหมือนกัน เพราะมันสะใจตัวเองด้วยว่า ออกมาตามที่ใจเราปรารถนา หรืออย่างการเต้นรำ ที่ก็ต้องซึมซับมาจากซีรีส์หรือสื่อหลายสื่อเหมือนกันกว่าจะออกมาเป็นทรงนี้ ซึ่งผมเองก็ดีใจมากที่มันออกมาดี
มอส: เอาจริงๆ นะ ผมเป็นคนที่ไม่โมโหเลย ตะโกนด่า ตะคอกคนอื่นในชีวิต ไม่มี จำได้ว่าเป็นฉากอดีตชาติ ต้องตะโกนด่าแบบปาข้าวของ ซึ่งในชีวิตจริงจะเจอผมโหมดนี้ยากมาก ต้องถ่ายฉากนี้หลายเทคสุดๆ และตั้งสติเรียกตัวเองบ่อยๆ ว่า ไม่ใช่มอส มันต้องการแบบนี้ ซึ่งผมมารู้ความลับจักรวาลทีหลังจากครูสอนการแสดงของผมว่า ครอบครัวผมอบอุ่นเกินไป (หัวเราะ) และเป็นเด็กที่เจอสิ่งไม่ดีมาไม่มากพอ เรื่องเทียบเคียงในชีวิตจริงกับตัวละครมันเลยน้อย ไม่รู้ว่าจะใช้น้ำเสียงช่องไหน จังหวะการโมโหมันต้องขนาดไหน ไล่ระดับไหมหรือรุนแรงเบอร์ไหน มันเลยต่อติดกับฉกาตรงนี้ได้ยาก
แบงค์: ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของจังหวะโดยส่วนใหญ่เลยนะ ซึ่งฉากอารมณ์หรือฉากแสดงความรักยังไม่ยากเท่ากับฉากที่เป็นจังหวะคอเมดี้ ที่ผมมักมีปัญหาบ่อยๆ เช่น ฉากนั่งคุยกับสัพเพเหระกันแล้วมันต้องตลก มวลรวมตรงนั้นคือ มันต้องซิงก์กันให้หมด หันหน้าพร้อมกัน ถ้าสมมติพูดว่าให้หัน มันจะไม่ธรรมชาติทันที ทำให้การแสดงแบบซิงก์กันในจังหวะที่ต้องตลกกลายเป็นงานยากของผมไปเลย
ใจฉันอยากกลับไปแก้ ‘ฉากนี้’ ให้ดีกว่านี้
แบงค์: มีอยู่ 2 ฉากที่อยากกลับไปแก้ ฉากแรกคือฉากเดินแบบ ช่วงนั้นอาหารกองร่อยมาก และตอนเดินแบบชุดค่อนข้างต้องโชว์สัดส่วน ผมเลยรู้สึกว่า อยากลองอดข้าวอีกสักเดือดแล้วค่อยกลับไปถ่ายใหม่ เพราะอยากให้ผู้ชมเห็นหุ่นของเราที่ทึ่งกว่านี้ ทำไมเราปล่อยให้กิเลสอย่างอาหารมาบังตาเรา (หัวเราะ) รู้สึกว่าตัวเองแอบปล่อยปละละเลยการดูแลตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง กับอีกฉากคือ ฉากร้องไห้ ด้วยความที่เวลามันจำกัดมาก แต่ฉากที่เราต้องแสดงอารมณ์ มันต้องร้องอยู่ในอินเนอร์ข้างในแบบไม่มีน้ำตา แต่พอแสดงไปแสดงมา น้ำตาไหลออกมาเยอะเฉยเลย ผมเลยมองว่า ความกระทบใจแบบที่น้ำตาไม่ไหลส่งความรู้สึกดีกว่าแบบที่น้ำตาไหล ซึ่งมันอีกนิดเดียวจริงๆ ตอนที่แสดงออกมา
มอส: ของผมเป็นฉากฮ่องกง ผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำได้ดีกว่านี้ เป็นซันได้มากกว่านี้ ซึ่งในตัวละครที่อยู่ฮ่องกงยังมีความเป็นมอสอยู่เยอะเลย ช่องเสียงที่ใช้ก็เป็นคนละช่องกัน เรียกได้ว่า เป็นผมเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์น่าจะได้ แต่โชคดีที่ฉากฮ่องกงเป็นเพียงฉากเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเป็นฉากใหญ่ผมว่า ผมน่าจะแอบเสียดายมากกว่านี้ เลยถ้าย้อนไปได้อยากกลับไปแก้ฉากนี้ให้ดีขึ้น
การแสดงเต็ม 10 จะจบเรื่องนี้อยู่ที่
มอส: เรื่องนี้กับการทำงานของตัวเอง ผมให้ 10 เลย ผมมุ่งมั่นกับทุกอย่างเพื่อปั้นตัวละครซันอย่างดี และทุ่มเทสุดๆ กับมัน เพราะผมไม่รู้ว่าจะได้โอกาสที่ดีแบบนี้อีกทีตอนไหน และก็ไม่รู้ว่า ตัวเองจะยังอยู่บนโลกใบนี้หรือเปล่าก่อนที่บทดีๆ จะเวียนมาหาเราอีกครั้ง เพราะอย่าง “มังกรกินใหญ่” กับ “เพียงชลาลัย” มันก็ห่างกันเกือบ 2 ปี ซึ่งก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนานอยู่ ผมเลยรู้สึกว่า ทำโอกาสตรงนี้ให้เหมือนครั้งสุดท้ายของชีวิต ทำมันให้เต็มที่ พยายามสู้ และกัดฟันให้ถึงที่สุด ซึ่งผมพึงพอใจในผลลัพธ์ที่ได้ออกมามากๆ
แบงค์: จากการทำงานในเรื่องนี้ ผมให้ตัวเองอยู่ที่ 8 เรื่องความพยายาม มุ่งมุ่น ตั้งใจ ผมว่า ผมก็มีเหมือนๆ กันกับแบงค์เลยคือ ลุยแบบเต็มที่ แต่อีก 2 ที่เก็บไว้คือ เรื่องรูปร่างของตัวเองนี่แหละที่คิดว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ต้องโทษข้าวกองเลยที่มันอร่อยเกินเรื่องไปหน่อย (หัวเราะ)
ขอ 1 คำถามที่อยากถามตัวละครและถ้าตัวละครตอบจะตอบว่า…
แบงค์: ชีวิตของหนูลินมันเฟอร์เฟ็คท์มาก ยอมรับว่าไม่มีอะไรอยากถาม แต่อยากเตือนมากกว่าว่า “อย่าเล่นตัวให้มันเยอะมากผู้ชายดีไม่ได้มีเยอะอย่าไปเม็ดเยอะให้มันเร็วๆหน่อย” ซึ่งถ้าหนูลินมาได้ยินคำเตือนนี้ก็จะบอกกลับมาว่า “ก็เราไม่รู้ เรากลัวดูไม่ดี ง่ายเกินไปจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
มอส: ของผมมีหลายคำถามมากเลย แต่ถ้าให้เป็นคำถามที่สงสัยที่สุด มีคำถามหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมเลยคือ “ทำไมไม่ใช้เงินให้มีความสุข” ถ้าสมมติให้เดาคำตอบที่ซันจะพูดออกมา ถ้าคุยกับน้องที่รู้จักคงจะบอกว่า “ไม่ต้องรู้หรอก” แต่ถ้าตอบในมุมของผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาเยอะ คงตอบว่า “เพราะเงินมันคงซื้อความสุขไม่ได้ทุกอย่าง ความสุขมันเรียบง่ายกว่านั้น ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ แค่นั้นเอง”
“พี่ซัน-หนูลิน” ยังคงโลดแล่นอยู่ในของเขาต่อไป หากใครอยากสัมผัสชีวิต “พี่ซัน-หนูลิน” เหมือนที่มอส-แบงค์ เล่าให้เล่าฟังข้างต้น ไปรับชม เพียงชลาลัย (Sunset x Vibes) ได้ทางช่อง One31 ทุกวันเสาร์เวลา 23:00 น. หรือรับชมย้อนหลังใน Uncut Version บนแอป #iQIYI และเว็บ iQ.com ที่เดียวเท่านั้น
Stylist : @soontornstylist24
Clothes : @marcjacobs @PATLuxuryGroup.Official #MarcJacobs #MarcJacobsTH #patluxurygroup
Makeup : @panjama_makeup
Hair : Tanapon Sae-tang @pom_hairstylista
Editor in Chief: Austin Thein
Photography team : @gur_kerdsup @p_p__pumpkin
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz