Cover Interview – Snap Project

เปิดมุมมองกันและกันของ 5 หนุ่ม SNAP PROJECT ที่ระวังคุณจะหลงพวกเขาแบบไม่รู้ตัว

หลงไม่หลงไม่รู้ แต่หลังจากสัมภาษณ์ทั้ง 5 หนุ่ม SNAP PROJECT POSH MAGAZINE THAILAND โดนพวกเขาตกเป็นที่เรียบร้อยกับ “โอห์ม-ไกด์-ภูมิ-อะตอม-ตะวัน” ที่พวกเขาเข้าขาซีย่ำปึ้กกันแบบสุดๆ จากโปรเจกต์โชว์ตัวตนและไลฟ์สไตล์ที่ทางช่อง 8 ให้รวมกลุ่มกันทำภารกิจที่มีตั้งแต่ชิลไปจนถึงเอ็กซ์ตรีม 

วันนี้ทั้ง 5 คนมาแบบสบายๆ พูดคุยระหว่างกันแบบถึงโปรเจกต์ที่ผ่านมา พร้อมเผยโปรเจกต์ใหม่ที่ต่อยอดจากเรียลลิตี้ของพวกเขา กลายเป็นซีรีส์สุดนุบนิบใจ แต่ซ่อนไปด้วยดีเทลอย่าง Bake Me Please พิชิตใจนายสายหวาน ที่ใครได้ลองดูแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ตัดขาให้มันรู้ไป เพราะมันหวานเอามากๆ เลย แต่ถ้าไม่เชื่อ ลองชิมลางจากบทสัมภาษณ์นี้ของทั้ง 5 หนุ่มก่อนได้นะ…

อยู่ใน SNAP PROJECT เราเป็นคนแบบไหน

ตะวัน: เพื่อนๆ ในกลุ่มมองว่า ตัวผมเองเป็นลีดเดอร์ เหมือนคอยตบๆ คนอื่นให้เข้าที่เข้าทางในกรอบของการทำงาน อาจดูจริงจังแต่ถ้าตอนผมเล่นด้วยกัน ก็เต็มที่เอาเรื่องเหมือนกัน ฉะนั้นผมอาจจะเป็นคนแยกโหมดชัดเจน ถ้าทำงานก็จะโฟกัสมากๆ แต่ถ้าเล่นก็ Play Hard เหมือนกัน

โอห์ม: ถ้าเพื่อนใน SNAP มองผมมา เขาก็จะบอกว่า ผมดูเป็นผู้ใหญ่ มีความอบอุ่นในตัว พูดจาสุภาพ แต่เอาจริงๆ แล้วผมค่อนข้างพูดน้อย โลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ถ้าเจอคนที่ไม่รู้จักเขาอาจจะหาว่าเราหยิ่ง แต่จริงๆ ผมเข้าหาคนไม่ค่อยเก่ง อาจต้องให้เขาเป็นคนชวนคุยหรือเปิดบทสนทนาก่อน ซึ่งเพื่อนๆ ใน SNAP ทุกคนชวนผมคุยหมดเลย (หัวเราะ)

ไกด์: ผมชอบคุยนะ และพยายามปล่อยมุกเพื่อสร้างบรรยากาศให้กองถ่ายสนุก แต่หลายคนมักมองว่า มันฝืด ซึ่งโชคดีที่พี่ๆ น้องๆ ใน SNAP ทุกคนคอยตบมุกให้ แม้จะยิ้มแห้งๆ หรือบางครั้งก็บอกว่า พอก่อน แต่ผมก็ดีใจนะที่พวกเขายังตอบโต้ผมกลับมา โดยเฉพาะพี่ภูมิ

ภูมิ: ส่วนตัวผมที่เข้ากับไกด์หรือทุกคนได้ ผมว่าตัวเองเป็นคนสนุกสนานและขี้เล่นนะ แต่ต้องสนิทกันจริงๆ ซึ่งถ้าได้รู้จักกันแล้วก็จะเล่นหนักเลย บางทีก็เล่นเยอะไป จนพี่ๆ ที่ดูแลผมก็ปวดหัวเหมือนกัน (หัวเราะ) แต่ผมเองก็คล้ายๆ กับโอห์มนิดนึงนะตรงที่ถ้าเจอคนที่ไม่คุ้นเคยจะไม่ค่อยกล้าคุย แต่จะดูเชิงเขาก่อนว่าเป็นยังไง

อะตอม: ถ้ามองจากในโปรเจกต์ SNAP ผมดูเป็นน้องเล็กสุดที่มักจะถูกพี่ๆ คนอื่นแกล้ง แต่กลายเป็นว่าโดนแกล้งแล้วกลับสนุกเฉย เพราะการแกล้งเหมือนเป็นการละลายพฤติกรรมพวกเราไปในตัวและทำให้ทั้ง 5 คนสนิทกันเร็วมาก ทุกวันนี้เรียกได้ว่า ถ้า 5 คนนี้อยู่ด้วยกันก็ไปไหนไปกัน อย่างช่วงนี้ที่เริ่มโปรเจกต์ใหม่ด้วยกัน ก็จะตัวติดกันเป็นพิเศษ

ถ้าให้ SNAP ภาพ SNAP PROJECT เก็บไว้ในความทรงจำได้เพียง 1 ภาพ จะเลือก SNAP ภาพไหน

อะตอม: ผมอยาก SNAP ภาพ EP1 เก็บไว้ เพราะมันเรียลสำหรับพวกเรามากคือ ยังไม่สนิทกันเท่าตอนนี้ มันเลยดูเป็นพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราให้กลายเป็นมิตรที่ดีต่อกัน SNAP PROJECT เลยกลายเป็นเหมือนไดอารี่กว่าจะมาสนิทกันได้เหมือนทุกวันนี้ ซึ่งมันก็ต้องเริ่มดูจากจุดเริ่มต้นนี่แหละ

ตะวัน: ผมคล้ายกันกับอะตอมเลยคือ อยาก SNAP ภาพ EP1 เก็บไว้ แม้มันจะดูเก้ๆ กังๆ แต่มันก็ใหม่มากในการเริ่มต้นความสนิทของพวกเราทั้ง 5 คน เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ 0 แล้วค่อยๆ เติมเต็ม 1 2 และ 3 ร่วมกันไปเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ในการเห็นความสัมพันธ์ของพวกเราค่อยๆ พัฒนาและเติบโตขึ้น

ไกด์: ผมเลือก SNAP ภาพ EP8 ช่วงปีนผาเก็บไว้ เพราะเป็นคนชอบออกกำลังกาย รักกิจกรรมที่ได้ขยับเขยื้อนร่างกาย แต่ปีนผานี่คือไม่เคยเลย ใหม่สำหรับผมมาก แล้ววันนั้นมีโอกาสได้ลอง เลยรู้สึกชอบมันมากๆ และท้าทายตัวเองดีด้วย ซึ่งต่อให้ SNAP จบแล้ว ผมก็ยังอยากปืนมันอยู่เรื่อยๆ 

โอห์ม: ขอไม่เป็นภาพเดียวได้ไหม ผมอยาก SNAP ภาพตอนที่เราอยู่ด้วยกัน 5 คนทุกภาพเลย เพราะผมได้ย้อนกลับไปดูแล้ว มันเป็นภาพที่อบอุ่นมาก เป็นเหมือนเพื่อนอีกกลุ่มของผมที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แม้จะต่างไลฟ์สไตล์กัน แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็รักกันมาก และเป็นเพื่อนที่ผมรักมากจริงๆ 

ภูมิ: ขอ SNAP ภาพ EP2 เก็บไว้ ตอนที่อยู่กับโอห์มที่จ๊อดแฟร์ เพราะส่วนตัวภูมิไม่ค่อยได้ไปไหน ยิ่งเป็นตลาดที่คนเยอะๆ ยิ่งไม่ไปเลย เพราะยอมรับว่า ตัวเองค่อนข้าง Introvert นิดๆ แต่เมื่อได้ทะลายกำแพงของตัวเองดู ได้ลองถ่ายถ่ายรายการ ได้ลองจับกล้องเดินกิน เที่ยว ช้อป มันก็ได้ความรู้สึกไปอีกแบบ เพราะทุกคนให้ความร่วมมือดีมาก เลยเป็นบรรยากาศที่ทั้งสนุกและแปลกใหม่สำหรับตัวเองด้วย

จากการทำงานใน SNAP PROJECT มาสู่ซีรีส์ BAKE ME PLEASE รู้สึกอย่างไรกันบ้าง

อะตอม: ยอมรับว่ากดดันเลยครับ แม้จะแสดงเป็นตัวเองที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นตัวละคร (หัวเราะ) แต่พอมาคิดดีๆ ก็ไม่รู้จะกดดันไปทำไม เพราะว่าตอน SNAP PROJECT เราก็อยู่ด้วยกัน มันเลยนึกถึงความสนิทตรงนั้นและทำงานร่วมกันได้ง่ายขึ้น คือเข้ากองแล้วมีแต่ความสนุก คนที่มีสีสันมากที่สุดเลยคือ พี่ภูมิ เพราะเขาเป็นคนเฮฮามากๆ

ภูมิ: เหตุที่มันเฮฮาเพราะทุกคนสนิทกันหมดเลยครับ คุยกัน แหย่เล่นกัน มันเลยไม่เกร็ง แล้วด้วยความที่สนิทกันมาก การส่งบทบางทีมันอาจสื่อสารออกไปได้ไกลกว่า จากความไม่ประหม่าระหว่างกัน มันเลยทำให้ยิ่งแสดงก็ยิ่งสนุก อย่างบท “กาย” ที่ผมได้รับ มันมีรายละเอียดให้สนุกกันมันเยอะมาก ทั้งจะอิจฉาเพื่อนยังไงให้คนอื่นรู้ ทะเยอทะยานแบบไหนโดยที่ไม่แสดงออกมาให้คนอื่นเห็น เลยสนุกที่ได้ดีไซน์ตัวละครนี้ร่วมกับคนอื่น

ตะวัน: แต่ภูมิเก่งมากนะ อันนี้ต้องขอชมเลยในเรื่องเก็บรายละเอียด อย่างของผมเองก็ครูพักลักจำภูมิมาบ้างเหมือนกัน ซึ่งอย่างของผมที่รับบทเป็น “เปอร์” เชฟที่เป็นคนในความลับที่อาจเป็นจิ๊กซอว์เชื่อมกับคนอื่นในหลายๆ เหตุการณ์ ซึ่งยากและกว่าจะจับจุดได้ก็ใช้เวลาพอสมควร บางทีก็ไปขอคำแนะนำจากคนอื่น หรือบางทีก็ดูคนอื่นแสดงนี่แหละอย่าง “ภูมิ” เป็นต้น

โอห์ม: ภูมิเล่นละเอียดจริงครับ แต่อีกคนที่ผมว่าเล่นละเอียดไม่แพ้กันคือ “ไกด์” เขาเก็บรายละเอียดทุกอย่างและส่งให้ผมทุกเม็ดเลย ดีใจที่ได้ทำงานด้วยกัน โดยผมรับบทเป็น “ชิน” เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งมาตลอดชีวิต แข็งนอกอ่อนใน มีความชินชากับสิ่งรอบตัวไปหมด ซึ่งต้องรอคอยคนมากะเทาะ นั่นก็คือ “พีท” ที่ไกด์รับบทนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมรู้สึกว่าบทนี้มันท้าทายคือ จะสร้างปูมหลังยังไงให้กับตัวละครตัวนี้และแสดงแล้วรู้สึกอิน ซึ่งเป็นอีกมิติตัวละครที่ผมค้นหานานอยู่เหมือนกันกว่าจะคลิกกว่าจะเจอ

ไกด์: ของผมก็ยากและกดดันเหมือนกัน อย่างอินเนอร์ตัว “พีท” ที่เหมือนเป็นพลังแสงอาทิตย์ส่งพลังบวกให้คนอื่นตลอดเวลา ถ้าเป็นตัวเรา ก็อาจจะไม่บวกทุกเวลาขนาดพีท เลยมีความท้าทายพอสมควร และอีกอย่างที่กดดันคือ ผมยังไม่เคยแสดงคู่กับพี่โอห์มมาก่อน ไม่รู้ว่าเขามีจังหวะแสดงแบบไหน แค่รู้กิตติศัพท์ว่า ผ่านงานและประสบการณ์มาหลายเรื่อง แต่พอได้ไปเวิร์คช็อปตัวละครร่วมกันกับพี่โอห์ม ผมก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

ฝากซีรีส์ BAKE ME PLEASE ยังไงก็ได้แบบไม่ให้ซ้ำกัน

ภูมิ: ผมว่าภาพเรื่องนี้สวยนะ การลำดับภาพก็ดูสมูท รวมถึงเคมีเคใจของคู่ “โอห์ม-ไกด์” ก็ดูกลมกลืน ผมเลยอยากชวนให้มาลองชิมกันเยอะๆ คิดว่าน่าจะติดใจจนอยากกินต่อไปจนจบแน่นอน

อะตอม: ผมว่า BAKE ME PLEASE คือความเต็มที่ของพวกเราทั้ง 5 คนที่อยากนำเสนอรสชาติใหม่และทำออกมาให้ดีที่สุด ผมเลยสนุกที่ได้แสดงและทำทุกครั้งอย่างตั้งใจ อยากฝากผู้ชมเป็นกำลังใจให้เราทั้ง 5 คนด้วย 

ตะวัน: ผมว่าแค่ดูเราทั้ง 5 คนก็คุ้มแล้วนะ แต่จะคุ้มอีกอย่างคือ ภาพขนมและของหวานที่ช่วยเสริมมู้ดแอนด์โทนของเรื่องนี้ให้ดูหวานชื่นมากขึ้น ซึ่งถ้าใครได้ดดู คิดว่าคงต้องไปหาของหวานมานั่งกินตอนดูบ้างแหละ

ไกด์: ผมคิดว่าเป็นซีรีส์ที่สั้น กระชับ ดูเข้าใจง่าย เบาสมอง มีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสูง เพราะเราได้แสดงร่วมกันกับเพื่อน และมีความเป็นมนุษย์สูง ที่แต่ละคนก็มีปัญหาและหาทางออกให้ปัญหาแตกต่างกันออกไป

โอห์ม: สุดท้ายเลยคือ เรื่องความรักครับ แม้หัวข้อหลักมันจะเกี่ยวกับขนมหวาน แต่ถ้าเชื่อมโยงแผนผังดีๆ แล้วมันเกาะเกี่ยวไปกับความรักหลายรูปแบบ ความรักในครอบครัว ความรักระหว่างเพื่อน หรือแม้กระทั่งความรักของคู่รักก็ตาม ที่แต่ละคนต่างหาทางออกให้กับเรื่องนี้คนละแนวทางกัน ซึ่งแนวทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไร คงต้องไปติดตามกันใน BAKE ME PLEASE ครับ

5 TMIs with SNAP PROJECT

1. “อะตอม” จะเลือกพา “ตะวัน” ไปติดเกาะร้างด้วยกัน เพราะคิดว่าน่าจะพึ่งพาได้และพาอะตอมไปรอดแน่ๆ ด้วยความเป็นลีดเดอร์ที่คอยช่วยให้คนอื่นอยู่ในร่องในรอยและประสบการณ์ที่เขามี 

2. “ไกด์” จะไม่สลับร่างกับ “ภูมิ” เด็ดขาด เพราะภูมิดูเป็นคนใช้ชีวิตหนัก เห็นได้จากการทำงานและการไปฟิตเนสแต่ละครั้ง รวมถึงเป็นคนที่ทุ่มสุดตัว บางครั้งชีวิตเลยสมบุกสมบันและหักโหมประมาณหนึ่ง

3. “โอห์ม” จะให้ “ไกด์” ยืมเงินหนึ่งหมื่นเลยแบบไร้เงื่อนไข เพราะไกด์เป็นเด็กจิตใจดี มีความรับผิดชอบ และคิดว่าตรงต่อเวลา ถ้ามีการเรียกเงินคืนในภายหลัง 

4. ถ้า “ภูมิ” เลือกเกิดได้อีกครั้ง ภูมิอยากเกิดเป็น “ตะวัน” เพราะอยากสัมผัสได้ถึงความเป็นนักกีฬาทีมชาติ อยากรู้ว่า การไปอยู่ในกิจกรรมต่างๆ ของการเป็นตัวแทน เขาบริหารหรือจัดการชีวิตอย่างไร

5. “ตะวัน” คิดว่า ถ้าเล่าความลับให้ “ภูมิ” ฟังแล้ว ภูมิจะปกปิดความลับได้ดี เพราะด้วยความจริงจังและดูสุขุมของเขา ทำให้ตะวันมองว่า ภูมิจะไม่พูดไปเรื่อยไปเปื่อยแน่ๆ และยั้งตัวเองได้ว่า สิ่งนี้เล่าได้ สิ่งนี้เล่าไม่ได้


Photographer : Termsit Siriphanich

Clothes : @painkiller_atelier @pattricboyle

Makeup : Thawatchai Mangkang @mickmakeup_artist

Hair : KEMMAWAN CHIMKHONG

Editor in Chief : Austin Thein

Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz

Photo Assistants : @gur_kerdsup @_pnphoto_