เปิดใจ เพื่อน คณิน: สมดุลชีวิต ดารา นักธุรกิจ และความฝันที่ไม่สิ้นสุด
เมื่อพูดถึงชื่อ “เพื่อน คณิน ชอบประดิถ” หลายคนคงนึกถึงนักแสดงหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสามารถทางการแสดงที่ไม่เป็นรองใครกับการแสดงล่าสุดอย่าง “อีบัวกับไอ้ขวัญ” แต่เบื้องหลังภาพลักษณ์ของดาราที่ประสบความสำเร็จ ยังมีอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ กับบทบาทของนักธุรกิจหนุ่มที่ทุ่มหมดหน้าตักสร้างธุรกิจของตัวเองให้เติบโตเคียงคู่ไปกับเส้นทางในวงการบันเทิง
POSH MAGAZINE THAILAND เลยขอพาคุณไปเปิดใจและทำความรู้จักกับตัวตนของผู้ชายคนนี้อย่างลึกซึ้ง ทั้งเรื่องราวชีวิตในวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การบริหารธุรกิจที่เขาหลงใหล และเคล็ดลับในการสร้างสมดุลระหว่างการเป็น “ดารา” และ “นักธุรกิจ” อย่างลงตัวในแบบฉบับของเขาที่นี่เท่านั้น!
อดีตเคยกังวล
หลายคนอาจจะจำเพื่อนได้จากบท “ยงยุทธ” ในละครเรื่อง “สุดแค้นแสนรัก” แต่ถ้าให้ย้อนไปถึงช่วงแรกๆ ทางการแสดงของ “เพื่อน คณิน” จริงๆ เพื่อนเติบโตมาจากละครชุดซีรีส์ “ลูกไม้ของพ่อ” ตอน “ใต้ร่มใบภักดิ์” ที่เจ้าตัวถึงขั้นลั่นว่าดูไปก็แอบเขินไปแถมยังกังวลนิดๆด้วย
“เรื่องนี้คือเรื่องแรกของผม ซึ่งยังไม่เคยผ่านงานแสดงที่จริงจังขนาดนี้มาก่อน ไหนยังจะต้องมารับบทนำอีก ผมเลยต้องแบกความกดดันนี้เอาไว้ ทำให้ความรู้สึกของตัวเองตอนแสดง เหมือนกลายเป็นคนถ่วงทีม เพราะจำได้เลยว่า เทคเยอะมาก บางครั้งมีพูดบทรวนหรือพูดไม่ชัดด้วย เลยแอบเสียเซลฟ์ประมาณหนึ่ง แต่เรื่องที่ทำให้ผมมั่นใจกับการแสดงของตัวเองมากๆ เหมือนฟื้นคืนพลังความมั่นใจกลับมาเต็มที่คือ สุดแค้นแสนรัก นี่แหละ”
“สุดแค้นแสนรัก ทำให้ผมมั่นใจขึ้น เพราะนักแสดงรุ่นใหญ่แสดงเรื่องนี้เยอะมาก ผมเองก็คิดว่า ตัวเองต้องไม่ทำให้ดร็อปไปจากสิ่งที่รุ่นใหญ่เขาปูเอาไว้ รวมถึงประสบการณ์การทำงานที่เพิ่มขึ้น และความเข้าใจในคาแร็คเตอร์ที่มีมากขึ้นว่า เราทำอะไรอยู่ ทั้งกับตัวละครหรือคู่แสดงเองก็ตาม นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองฟื้นคืนพลังการแสดงของตัวเองขึ้นมาพอสมควรเลย”
จนมุมกับคอเมดี้
ไม่น่าเชื่อกับคำตอบของ “เพื่อน คณิน” เหมือนกัน ด้วยการผ่านงานมาแล้วหลายกหลายแนวให้เพื่อนได้ประลองฝีมือ เราเลยแอบถามแบบแกล้งๆ ว่า มีแนวละครไหนไหมที่เพื่อนรับมือกับมันได้ยากมากๆ หากต้องแสดงจริงๆ เพื่อนตอบออกมาเลยว่า “ตลก” ซึ่งผิดไปจากสิ่งที่เราคาดเดาไว้ในใจตอนแรก
“หลายคนไม่เว้นแต่พี่หรอก มักจะคิดว่า ผมรับมือกับงานแนวดราม่าได้ยากที่สุด ผมบอกตรงนี้เลยว่า ผมรับมือกับแนวดราม่าได้ดีที่สุดเลย เพราะมันใช้เวลาในการสร้างอินเนอร์และอารมณ์ได้ ผิดกับตลกหรือคอเมดี้ ผมว่าจังหวะการพูดหรือจังหวะการเล่นมันต้องชัดและเป๊ะมาก ซึ่งมันยากมากนะ ผมยกตัวอย่างเรื่องล่าสุด อีบัวกับไอ้ขวัญ มันเป็นแนวลูกทุ่ง มีความฟีลกู๊ดนิดๆ คอเมดี้หน่อย แต่ในเรื่องผมต้องตลก”
แล้วเพื่อนตั้งความตลกของตัวเองไว้แบบไหน เราถามต่อ “ตลกในความเป็นเรานี่แหละ ที่มีความซึนนิดๆ และเติมความเป็นชาวบ้านเข้าไปหน่อยๆ มันเลยทำให้ตัวละคร ‘ขวัญ’ มีเสน่ห์มากๆ และผมก็ชอบตัวละครนี้มากด้วย เพราะผมสามารถเติมความกวนในแบบของเราได้ เช่น ถ้าอยู่กับนางเอก เราจะมีลูกหยอดหรือลูกอ้อนเยอะมากกว่า แต่ถ้ากับคนอื่นที่อยู่รอบข้าง อาจต้องใช้ความตลกอีกแบบ เช่น อาไท พี่ตี๋ ดอกสะเดา ซึ่งตั้งรับยากมาก ผมเองก็มีหลุดบ่อย บางทีก็จนมุม บางทีก็พอได้อยู่ (หัวเราะ)”
มี ‘เดนิส–ยูโด’ เป็นพาร์ทเนอร์
“เก่งมาก” คือสิ่งที่เพื่อนให้นิยามพาร์ทเนอร์ที่ชื่อว่า ‘เดนิส’ (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) จากละคร อีบัวกับไอ้ขวัญ เราเลยขอให้เขาอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่แสดงคนนี้ “พี่ต้องอย่าลืมว่า เขาอายุแค่ 17 เองนะ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่รู้ข้อนี้ ผมเลยต้องย้ำอีกครั้ง เพราะจากสิ่งที่น้องแสดงออกมามันทำให้ศักยภาพทางการแสดงของน้องเกินไปกว่าคนอายุ 17 มาก ซึ่งเทียบกับผมเมื่อตอน 17 คือคนละเรื่องเลย (หัวเราะ) เพราะน้องรับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้ดี และรู้เลยว่าทำการบ้านมาเยอะมาก”
ตัดกลับไปทีอีกคน ภาพภายนอกที่เห็นว่า เขาดูตลกโปกฮาแค่ไหน เพื่อนบอกเลยว่า ภายในเขาก็เป็นคนแบบนั้นไม่ต่างกัน เพื่อนเลยนิยามพาร์ทเนอร์ที่ชื่อ “ยูโด” (ธรรม์ธัช ธารินทร์ภิรมย์) ว่า “กวนดีครับ เพราะผมรู้จักกับเขามานานตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มาได้ทำงานหรือเจอกันจริงจังก็เรื่องนี้แหละ แต่ในพาร์ทการทำงาน เขาเป็นคนที่ตั้งใจสูงมาก แต่บุคลิกภายนอกก็ตามนั้นเลยครับ ให้ภาพเป็นตัวตัดสิน (หัวเราะ)”
มัทฉะ เลิฟเวอร์ และธุรกิจของเขา
อีกพาร์ทหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือ การเป็นเจ้าของธุรกิจร้านมัทฉะสาย Specialty แถวเกษตร–นวมินทร์อย่าง B YAH > Matcha ที่เพื่อนบอกกับเราว่า ชอบดื่มมัทฉะมากๆ อยู่แล้ว ผสมกับเทรนด์มัทฉะตอนนี้กำลังมา เลยคิดที่จะลองเปิดร้านดู ซึ่งตอนนี้เปิดมาได้ 5-6 เดือนแล้ว ผลปรากฏว่า ได้ผลตอบรับดีมาก แต่กว่าจะได้กระแสตอบรับขนาดนี้ เพื่อนเองก็ยอมรับว่า สมบุกสมบันมาไม่น้อย
“ก่อนพดูถึงเจ้าของธุรกิจร้านมัทฉะ เห็นอย่างนี้ ผมเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ พนักงานเติมน้ำมันมาก่อน พอได้มาทำธุรกิจจริงจัง มันเหมือนต้องเพิ่มความใส่ใจขึ้นเป็นทวีคูณเลย เพราะมันไม่มีใครมาตรวจหรือคุมมาตรฐาน เราต้องคุมเองตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ ผมเลยตั้งใจทำทุกแก้วออกมาให้ดีที่สุด ไม่เว้นแม้แต่การจัดการผงชา”
“ทุกคนต้องการผงมัทฉะ และผงมัทฉะที่ดีต้องมาจากประเทศต้นทางคือ ประเทศญี่ปุ่น ผมเลยต้องดีลคนนำส่งและนำเข้ามัทฉะจากประเทศญี่ปุ่นเองทั้งหมด ด้วยมาตรฐานของเขาที่เชื่อถือได้ ซึ่งรับประกันได้ว่า ไร้โลหะหนัก ปลูกมาจากดินที่ได้มาตรฐาน และตรวจสอบคุณภาพมาตั้งแต่ต้นทางแล้ว”
แล้วอะไรคือสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจนี้ “ไม่มีใครถามผมแบบนี้มาก่อนเลย พี่เป็นคนแรก ผมว่าได้เรียนรู้ในการอดทนกับเวลา เพราะช่วงแรกที่เปิด ก็ไม่มีใครรู้จัก จำได้เลย 1-2 เดือนแรก มีแต่คนรู้จักและญาติที่มาอุดหนุนร้าน บางวันขายได้ 5 แก้ว รู้สึกใจแป้วมาก แต่ผมบอกตัวเองเสมอว่า ให้อดทนและทำทุกแก้วออกมาให้ดีที่สุด เดี๋ยวคนไปบอกต่อกันเอง แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะมีลูกค้าขาจรบางคนกลายมาเป็นขาประจำ และบอกต่อคนอื่นให้มากินที่ร้าน”
คลายปมสมดุลชีวิต
คุยมาถึงตรงนี้ เราเลยค่อยๆ คลายปมชีวิตเพื่อนไปทีละเปราะ อย่างแรกเขามองธุรกิจร้านมัทฉะของตัวเองไปถึงจุดไหน “ผมอยากให้ร้าน B YAH > Matcha มีมากกว่า 1 สาขา ตอนนี้มีแค่สาขาเดียว อยากขยายไปอีก 3-4 สาขา ซึ่งมีเล็งพื้นที่เอาไว้แล้วว่า อยากเข้าไปในตัวเมืองมากขึ้น อาจเป็นย่านพญาไทหรือบางรัก เพื่อให้ไปถึงลูกค้าต่างประเทศ เดินทางไปมาสะดวก และซื้อง่ายขายคล่อง โดยตอนนี้กำลังศึกษาและดูความเป็นไปได้ทั้งหมดก่อนลงมือ”
เปราะต่อมาคือ เรื่องวงการบันเทิงและการแสดง “มีเรื่องใหม่ที่กำลังถ่ายทำอยู่ และมีโปรเจกต์ที่กำลังคุยอีก 2-3 โปรเจกต์ด้วยกัน อย่างไรฝากทุกคนรอติดตาม แต่ถ้าอนาคตอันไกล ผมอยากลองเป็นพิธีกรดูสักครั้ง อยากได้รับความรู้สึกจากผู้คนเวลาอยู่บนเวทีแล้วมีคนฟังเรา แม้ศักยภาพตอนนี้ผมยังต้องพัฒนาอีกมาก แต่ถือเป็นอาชีพในวงการบันเทิงที่ผมอยากลองทำให้ได้สักครั้ง ผมอยากเป็นแบบพี่เดี่ยว (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) ที่พี่เขาคุมเวทีอยู่มากๆ”
คลายปมชีวิตเปราะสุดท้ายของเพื่อนก่อนจากกันด้วยคำถามที่ว่า เพื่อนบริหารจัดการชีวิตตัวเองได้ลงตัวแล้วหรือยัง ทั้งธุรกิจ การทำงานในวงการ และชีวิตส่วนตัว หลังได้ยินคำถาม เพื่อนยิ้มออกมาอย่างเต็มที่พร้อมตอบเราว่า “ดีครับ ดีมากทุกอย่าง รู้สึกใช้เวลาเป็นประโยชน์เยอะกว่าที่ผ่านมาก จากเมื่อก่อนมีแค่ออกกำลังกาย อาบน้ำ กิน ทำงาน กลับบ้าน นอน ตอนนี้มีเรื่องให้โฟกัสเยอะมาก เวลาบางส่วนถูกแบ่งไปกับธุรกิจ ไหนจะต้องอัปเดตเทรนด์ชงมัทฉะ ไหนจะต้องบริหารจัดการคนและงบประมาณอีก แต่โดยรวมแล้ว ผมชอบชีวิตที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้มากเลยครับ เพราะใช้เวลาคุ้มค่าทุกนาทีจริงๆ”
ปิดจบบทสัมภาษณ์เหมือนสโลแกนช่อง 3 ตามที่เขาสังกัดอยู่ POSH MAGAZINE THAILAND ขอเป็นกำลังใจอีกแรงสำหรับ “เพื่อน คณิน” ผู้ชายที่ไม่ลดละซึ่งความพยายาม มีเอเนอร์จี้ที่เต็มเปี่ยม เพื่อด้าวเดินบนเส้นทางแห่งความตั้งใจของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป
Photography: Nutthaya Pechpangan @p_p__pumpkin
Clothes: ADI @adistudios
Makeup and Hair: @eddiethailand
Editor in Chief: Austin Thein
Photo Assistant: @gur_kerdsup
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz