Cover Interview – Prang x Film

“ฟ้าเพียงดิน” กับการย้อนรอยความประทับใจของ “ฟิล์ม ธนภัทร” และ “ปราง-กัญญ์ณรัณ”

เรตติ้งขึ้นเอาในแต่ละตอน ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในฉากพีคๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าสำหรับละครพีเรียด ดราม่า สุดเข้มข้น ‘ฟ้าเพียงดิน’ ซึ่งถ้า POSH MAGAZINE THAILAND ไม่ได้คุยอุ่นเครื่องกับ ‘ฟิล์ม ธนภัทร @film.thanapat ’ และ ‘ปราง-กัญญ์ณรัณ @ladiiprang ’ ก่อนสัมภาษณ์จริง เราคงคิดว่า พวกเขารู้จักกันมานาน ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกันยังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ 

2

งานนี้เตรียมรับโค้งสุดท้ายของตอนจบที่จะมาถึง เราขอจับเข่าคุยกับพวกเขาย้อนเวลาไปสักนิดถึงการทำงานกับ ‘เทวราช’ และ ‘สาริกา’ รวมถึงการเป็นพาร์ทเนอร์กันในฐานะนักแสดง ซึ่งพวกเขาเอื้อนเอ่ยออกมาเองว่า เหมือนเข้าขาและรู้จักกันมา 6 ปี เราว่างานนี้เปลี่ยนจากสัมภาษณ์เป็นนั่งเมาท์กันน่าจะดีกว่า

9

‘เทวราช’ และ ‘สาริกา’ กับความรู้สึกแรก

ปราง: พอรู้ว่าต้องมาเป็นสาริกา อย่างแรกเลยคือ บอกพ่อแม่ก่อน (หัวเราะ) เพราะพ่อแม่ต้องเคยดูละครเรื่องนี้มาก่อนแน่ และเป็นไปตามคาด พ่อแม่บอกว่า ละครเรื่องนี้สนุกและดังมากในยุคของท่าน และพอรู้ว่าเป็นพี่ใหม่ (ภวัต พนังคศิริ) ที่รู้ฝีมือปรางมาประมาณหนึ่ง เรายิ่งเบาใจและดีใจมากๆ เพราะปรางได้ร่วมงานกับที่นี่เป็นครั้งแรก ยอมรับว่าใหม่และเหงามาก ยิ่งพอเล่นและได้รู้จักกับฟิล์ม มันเหมือนลืมความเหงาไปเลย

5

ฟิล์ม: ผมเองก็เหมือนกัน ดีใจที่ได้เล่นกับแม่หญิง แต่ความกดดันก็ตามมาเลยคือ พี่กัปตัน (ภูธเนศ หงษ์มานพ) เพราะเขาเคยแสดงเป็นเทวราชมาก่อน แล้วเราต้องแสดงต่อหน้าคนที่เคยแสดงมาก่อนแบบนี้ มันยิ่งตื่นเต้นและถาโถมมาก แต่สุดท้ายแล้ว เราไม่เคยดูเวอร์ชั่นก่อน สิ่งที่จะทำได้คือ เล่นในแบบของเราให้ดีที่สุด และใช้ความสนุกกับการแสดงและการทำงานเข้าสู้ ขนาดพี่กัปตันยังบอกเลยว่า ทำไมเทวราชของฟิล์มมันน่าสงสารได้ขนาดนี้

สัตว์ สี และตัวแทนของตัวละคร

ฟิล์ม: ตัวละครเทวราชค่อนข้างไกลตัวผมมาก ยกเว้นเรื่องเสียงดัง (หัวเราะ) เลยต้องเรียนเวิร์คช็อปกับครูแอ๋ว (อรชุมา ยุทธวงศ์) ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจเทวราชมากขึ้นว่า เขาเป็นคนแข็งนอกอ่อนใน กร้าวแต่อ่อนแอ อยากเอาชนะและไม่ยอมใคร ยกเว้นสาริกาคนเดียว ผมเลยหาภาพตัวแทนเขาอยู่นาน จนครูแอ๋วบอกว่า ถ้าแทนเทวราชเป็นสัตว์และสีจะให้เป็นอะไร ผมตอบเลยว่า ถ้าสัตว์ให้เป็นร็อตไวเลอร์ เพราะเขากัดทุกคน ส่วนสีจะให้เป็นสีแดง เป็นสีแห่งความโกรธ โมโห สื่อถึงพลังด้านลบทุกอย่าง แต่พอช่วงหลังๆ ของเรื่องจากสีแดงที่เข้มที่สุด มันจะกลายเป็นสีชมพู อย่างที่ทุกคนเห็นในตอนท้ายๆ 

3

ปราง: อย่างปรางเองตอนทำความเข้าใจสาริกา ยอมรับว่า เป็นผู้หญิงที่มีความมุทะลุมาก แต่ปรางมีความเป็นผู้หญิง (เน้นเสียง) สูงมาก และไม่ค่อยโกรธคน เพราะเรื่องนี้มันต้องโกรธเทวราชตลอดเวลา การบ้านที่ได้เลยคือ ให้ไปพูดว่า “เบื่อ! เบื่อ! โคตรเบื่อ!” ทุกวันกับรูปของเทวราช และปรางแทนสีของสาริกาเป็นสีฟ้าแซมเขียวอยู่นิดๆ แสดงถึงความสดใสและเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าในอารมณ์ลึกๆ จะเป็นสีน้ำเงินที่มีความเข้มแข็งและไม่ยอมใคร และสัตว์ เราแทนตัวเองเป็นกระต่ายป่า น่ารักและสู้ในแบบของผู้หญิงลุยๆ

บทจะหวานก็หวานมาก

ปราง: ปรางถือว่าใหม่มากสำหรับตัวเอง เพราะนอกจากความโกรธที่ว่ายากแล้ว ฉากเข้าพระเข้านางก็ถือว่าปราบเซียน เพราะพี่ใหม่ (ผู้กำกับ) บอกเลยว่า ที่นี่จูบจริงนะ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรา ไม่เคยแสดงแบบนี้เลย มากสุดแค่หอมแก้มหรือจูบที่มือ เลยไม่รู้ว่าจะรับส่งกันประมาณไหน เดี๋ยวให้ผู้มีประสบการณ์เป็นคนอธิบายเพิ่มเติม (ยิ้ม)

8

ฟิล์ม: ผมว่าด้วย ‘ฟ้าเพียงดิน’ เนื้อเรื่องมันโรแมนติกและพาให้ตัวละครไปถึงจุดที่จะแสดงออกถึงความรักและความห่วงใยที่มีให้กันและกันได้อย่างสวยงาม คือมันผ่านอะไรมามากต่อมากแล้ว การแสดงออกถึงความรักจึงค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ จากมองตา ต่อมาเป็นโอบกอด แล้วค่อยเป็นจูบในที่สุด มันทำให้เห็นถึงเลเวลของความสัมพันธ์ของสองคนนี้และเป็นของตัวละครที่แสดงจริงๆ

ฉากประทับใจ 

ฟิล์ม: เป็นฉากที่พีคและกังวลที่สุดสำหรับผมแล้วคือ ตอนที่ 3 ที่ต้องเข้ากับสีนิล ซึ่งก็คือม้าในเรื่อง อารมณ์ตอนนั้นมันซับซ้อนและพลิกตลอดเวลา เป็นฉากที่ใช้พลังเยอะและเหนื่อยแบบสุดๆ เพราะสีนิลเป็นม้าที่เทวราชรักที่สุดและเป็นความสุขเดียวในชีวิตที่เหลืออยู่ ณ เวลานั้น 

เขากลับโดนสาริกาดูถูกว่า ศักดิ์ศรีของเทวราชมันมีค่าน้อยกว่าสัตว์ตัวหนึ่ง เหมือนจิตใต้สำนึกมันยอมไม่ได้ และที่แทงหัวใจเราที่สุดคือ เทวราชลั่นไกปลิดชีพมัน พอพูดแล้วอารมณ์มันลึกมากเลยนะ พูดแล้วอยากจะร้องไห้ ผมถึงขั้นใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าจะออกมาจากอารมณ์นั้นได้ เป็นฉากที่รักมากและกลัวการขี่ม้ามาก แต่ผมก็รักม้ามากขึ้น ถึงขั้นไปตามอินสตาแกรมคนที่เขาถ่ายเกี่ยวกับม้าเลย

6

ปราง: ถ้าในการทำงานชอบหมด แต่ถ้าในส่วนของการแสดง ปรางยกให้ฉากสุดท้ายคือ เดอะเบสท์ เพราะทั้งเรื่องสาริกาเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองโดยตลอด และฉากสุดท้ายคือความสุขที่แท้จริง ซึ่งมันเข้มข้นมากกว่าจะได้เจอความสุขนั้น เพราะมันห่ำหั่นกันไม่จบไม่สิ้น คือสาริกาเสียใจแบบอันลิมิต (หัวเราะ) คือมันไม่หมดสักที แล้วฉากสุดท้ายเป็นความสุขเดียวของเรื่องที่สาริกาควรได้รับมันสักที อย่างไรอยากให้ติดตาม

เต็ม 10 กับทุกสิ่งที่แสดงออกมา

ปราง: ถ้าเรื่องผลลัพธ์หรือความคาดหวัง ปรางปล่อยให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินเลย แต่ในฐานะคนทำงาน ละครเรื่องนี้ส่งต่อพลังบวกเยอะมาก ทั้งทีมงาน ผู้กำกับ นักแสดงคู่อย่างฟิล์ม นักแสดงร่วมท่านอื่นๆ เรียกได้ว่า มีความสุขมากๆ แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่มันทำให้การมาร่วมงานที่ใหม่ของปรางมีความสุขมาก เลยให้ 10 สำหรับตัวเองและทีมงานทุกคนที่ได้ร่วมงานกัน แม้ว่าจะเป็นซีนดราม่าแค่ไหนก็หัวเราะ คือปรางหัวเราะเยอะมาก หัวเราะทั้งวัน จนบางทีต้องหนีไปทำสมาธิในบางช่วง เพราะขำไม่ไหว

4

ฟิล์ม: ผมเองก็ฮึบเหมือนกัน ไปอยู่คนเดียว หนีไปจากหน้าเซ็ตไปเรียกพลังก่อน คือมันอยู่ด้วยแล้วสบายใจมาก ถ้ามีคะแนนมากกว่า 10 ก็ให้เกินแบบ 100 หรือ 1000 ไปเลย เพราะผมมาทำงานกองละครเรื่องนี้ ไม่เคยมีวันไหนไม่อยากทำงาน ไม่มีวันไหนไม่มีความสุข และด้วยคู่ของผมอย่างปราง เขาเป็นคนไม่ค่อยโกรธ มองโลกในแง่ดี เลยทำให้ไวป์การทำงานดีมาก ยังไงในโปรเจกต์ต่อๆ ไป ถ้ามีโอกาสโคจรมาเจอกันอีก ฝากเป็นกำลังใจให้เราสองคนด้วยนะครับ 

ติดตาม ฟ้าเพียงดิน ได้ทางช่อง ONE31 ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. และดูย้อนหลังได้ผ่านทางแอปพลิเคชั่น oneD

7


Photography : Termsit Siriphanich @termsit @termsitstudio

Makeup Prang : @yiim_makeup

Hair Prang : @dnadiafive

Clothes Prang : @landmee_official

Makeup & Hair Film: @tong_sutipat

Clothes Film : @ferragamo @blanc.bangkok

Editor in Chief : Austin Thein

Photo Assistant : Erin Kiyota @eirindesu

Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz

#PrangFilmxPOSH

1