Cover Interview – PON – Nawasch Phupantachsee

หลังจากพาแฮชแท็ก #พราวมุก ละครที่ออนแอร์ทางช่อง 3 ติดเทรนด์ทวิตเตอร์มาหลายสัปดาห์ วันนี้ POSH Magazine Thailand พาตัวพระเอกมาดเข้ม ภณ-ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ มาทำความรู้จักกับแฟนๆ POSH ให้มากขึ้นอีกนิด 

3

แนะนำตัวเองกันสักหน่อย

ผม ภณ-ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ อายุ 25 ปีครับ จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ภาควิชา วิศวกรรมดนตรีและสื่อประสม  มาทำงานตรงนี้ได้เพราะไปเจอพี่หน่อง ผู้จัดการ เจอกันในเฟสบุ๊ก หลังจากนั้นลองประกวดเวทีต่างๆ หาประสบการณ์ จนกระทั่งปี 2 ก็ได้เซ็นเข้าช่อง 3 แล้วก็เริ่มแสดงละครครับ 

เรียนวิศวะมันค่อนข้างห่างไกลจากวงการบันเทิงมาก ทำไมถึงมาทำงานตรงนี้

จริงๆ สาขาวิศวะที่ผมเรียน คือ Sound Engineer ก็ไม่ได้ห่างไกลกับวงการบันเทิงเท่าไรนักครับ เป็นเรื่องของงานเบื้องหลัง พอปี 2 เริ่มแสดงละคร ซึ่งเป็นงานเบื้องหน้า ทำให้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ อย่างเรื่องของการแสดง แต่ก็ไม่ได้เจาะลึกมาก ด้วยข้อจำกัดของเวลาในช่วงนั้น ทำให้เราไม่มีเวลา แต่ก็พอได้ครับ 

เริ่มเรียนการแสดงตอนไหน?

เริ่มเรียนการแสดงพื้นฐานตั้งแต่ม.5 ผู้จัดการส่งไปเรียนเพื่อให้เราเข้าใจหลักการเบื้องต้นครับ แต่พอถึงเวลาต้องแสดงจริงๆ ด้วยความที่ตอนนั้นเรียนด้วย เล่นละครด้วย ถ่ายละครเสร็จก็ต้องไปกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ก็เลยยังไม่ได้เรียนแบบเต็มที่ แล้วพอเรียนจบก็มีละคร 2 เรื่อง ถ่าย 7 วัน ก็ทำงาน 7 วันแบบนั้นมาเรื่อยๆ ตลอด ก็เลยยังไม่มีช่วงไปเรียนเพิ่มเติม คือเราจะได้เรียนหน้างานไปเลย เรียนรู้จากหน้าเซต จากผู้กำกับ ฝึกฝนตัวเองจากประสบการณ์จริง แล้วก็ศึกษาจากผู้ใหญ่ในวงการ ดูหนัง ดูซีรีส์ เรียนรู้ด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ 

1

มีคุณแม่เป็นนักแสดง มีสอนอะไรเราบ้างไหม?

คุณแม่จะเน้นไปทางให้กำลังใจมากกว่าครับ แต่ท่านก็จะมีสอนเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยอย่างเรื่องของการใช้สายตา อารมณ์ อินเนอร์ คุณแม่เคยบอกว่าผมตาโต เป็นเหมือนดาบสองคม ถ้าเล่นดีก็ออกทางสายตา แต่ถ้าเล่นไม่ได้ก็จะเห็นทางสายตาเหมือนกัน ดีไม่ดีอยู่ที่สายตา อยากให้เราแสดงละครด้วยอินเนอร์จริงๆ ด้วยความรู้สึกของตัวละครนั้นๆ 

ยากไหม?

ยากนะครับ ตอนเล่นละครช่วงแรก ทำเอาผมท้อเหมือนกัน อย่างฉากอารมณ์ ฉากดราม่า ทำไมเล่นไม่ได้ซักที อ่านบทก็แล้ว อะไรก็แล้ว แต่นึกภาพไม่ออกว่าจะแสดงออกมาอย่างไรดี ด้วยความที่เรายังตีโจทย์ไม่แตก ยังเข้าไม่ถึงบทด้วย ก็เป็นอะไรที่ยาก ต้องขอบคุณผู้กำกับหลายๆ คนที่ช่วยให้ผมผ่านมันมาได้ ซึ่งพอเราเล่นละครหลายๆ เรื่อง ได้เจอผู้กำกับหลายๆ ท่าน แต่ละผู้กำกับก็จะมีแนวทาง มีข้อคิด มีทักษะในการสอนเราไม่เหมือนกัน เราก็เก็บเล็กผสมน้อยมาเรื่อยๆ จากแรกๆ นึกไม่ออกเลย ก็ค่อยๆ ออกมาเป็นภาพชัดขึ้นๆ เรียกว่าประสบการณ์การทำงานค่อยๆ สอนเรา และทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้ 

2

แต่มีเรื่องหนึ่งที่เหมือนปลดล็อคผมเลยทำให้ผมเริ่มเข้าใจจริงๆว่าการแสดงคืออะไรมันไม่ใช่การเอาเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์ในชีวิตจริงมาใส่ในตัวเราแต่เราต้องโยนตัวเองทิ้งไปแล้วใส่ความเป็นตัวละครนั้นๆต้องนึกเสมอว่าเราคือตัวละครนั้นๆ ไม่ใช่ ภณ-ณวัสน์ นะความรู้สึกที่ได้ถึงจะออกมาจากใจจริงๆผมเชื่อว่าการแสดงไม่ใช่อาศัยแค่เทคนิคแต่เราต้องมีความเชื่อในตัวละครที่เราได้รับบทบาทมันก็จะทำให้เราเล่นผ่าน 

เรื่องที่ปลดล็อคตัวเองคือ?

ปลดล็อค 1 คือ ‘สายลับจับแอ๊บ’ ของพี่คิง(สมจริง) คือซีนนั้นเราต้องผิดหวังในตัวนางเอก ต้องน้ำตาไหล 

ปลดล็อค 2 อันนี้เหมือนทลายกำแพงเลยคือ ‘ตราบาปสีชมพู’ เรื่องนี้บทยาก ต้องร้องไห้ ดราม่า มีปัญหาชีวิต ยากมากสำหรับผม เคยถึงขนาดว่าเล่นแล้วถอดไม่ออก ติดความรู้สึกของตัวละครกลับมาด้วย คือดิ่งมากจนหยุดร้องไห้ไม่ได้ เหมือนมันอินจัด แต่พอเราได้ผ่านประสบการณ์เล่นะละครมาเรื่อยๆ ก็ดีขึ้นครับ เริ่มแยกออกว่าอันไหน ละครอันไหนชีวิตจริง

6

ทำงานกับผู้กำกับมาเยอะ มีผู้กำกับคนไหนที่ประทับใจจนเป็นไอดอล?

โห เยอะครับ ด้วยความที่เราทำงานกับผู้กำกับมาเยอะ แต่ละท่านก็เก่งๆ ทั้งนั้น มีเทคนิคไม่เหมือนกัน และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ผมได้ทำงานกับผู้กำกับที่หลากหลาย ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากหลายๆ กอง แต่ถ้าถามว่าประทับใจใครมากสุด อันนี้ตอบยากมาก ชอบทุกคน ทุกคนมีสไตล์ของตัวเอง ผู้กำกับทุกคนมีส่วนช่วยที่ทำให้ภณเป็นทุกวันนี้

คาแรกเตอร์ชลันธรใน ‘พราวมุก’

เป็นคนมั่นใจ เป็นเพลย์บอย และไม่ชอบการถูกบังคับ เล่นยากและท้าทาย เพราะจริงๆ ผมไม่ใช่เพลย์บอย (หัวเราะ) คือ ชลันธร มันยากตรงที่เล่นอย่างไรให้ต่างจากบทก่อนหน้าที่เรารับ ก็ต้องปรึกษาพี่นาย (ผู้กำกับ) ให้ช่วยแนะแนวทาง ทำอย่าไรให้ชลันธรออกมามีชีวิตตามภาพที่ผู้กำกับวางไว้ 

เล่นกับน้องบัวเป็นอย่างไรบ้าง?

เล่นด้วยกันกับบัว เรื่องนี้เรื่องที่ 2 แล้วครับ บัวเป็นคนเก่ง ทำการบ้านดี เล่นกับบัวก็เหมือนตีปิงปอง มีการรับส่งกันไปมา คือผมตีไป เค้าตีกลับ แรงไป แรงกลับ จังหวะน้ำหนักการเล่นด้วยกันมันเหมาะเจาะ แบบที่เราไม่ต้องจูนกันมาก เพราะรู้ฟีลกันอยู่แล้ว บางครั้งมีฉากที่ต้องเล่นแรง ด้วยความที่รู้มือกันอยู่แล้วก็จะใส่กันได้เต็มที่ทั้งคู่ สำหรับผม บัวคือพาร์ทเนอร์ในการทำงานที่ดีมากๆ 

กับกระทิง?

ด้วยวัยที่ใกล้กัน ทำให้สนิทกัน แล้วกระทิงเป็นคนเฮฮา ตลกๆ เป็นคนสร้างสีสันให้กองถ่าย วันไหนมีเขามา กองถ่ายจะสนุกมากๆ  

7

โปรเจกต์ตอนนี้มีอะไรอีกบ้าง

มีละครเรื่อง ‘เก็บแผ่นดิน’ ของ อาตู่-นพพล กับเรื่อง ‘คู่เวร’ ของพี่คิง-สมจริง ครับ  ใกล้ปิดกล้องแล้ว เหลืออีกไม่กี่คิว คาดว่าน่าจะได้ออนแอร์ปีนี้ กับอีกเรื่องคือ ‘สะใภ้สายสตรอง’ เล่นกับ ณิชา(ณัฏฐณิชา) เรื่องนี้ฟิตติ้งไปแล้ว รอเปิดกล้องปลายปีนี้ครับ 

งานภาพยนตร์?

อยากเล่นครับ แต่ด้วยข้อจำกัดของเวลา ก็ต้องดูกันอีกทีครับว่าจะมีโอกาสไหม และต้องดูบทด้วยว่าเราเหมาะไหม อยากลอง เพราะงานหนังก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ท้าทาย เป็นอีกโลกหนึ่งที่เราไม่เคยลอง น่าสนใจครับ อยากรู้ว่าเล่นแบบหนังเป็นอย่างไร

งานเพลง?

ชอบร้องเพลงครับ แต่ยังไม่เก่ง บวกกับทำเป็นงานอดิเรกมากกว่า จากตอนแรกผมเล่นดนตรีอย่างเดียว พอเราเป็นนักแสดงก็ต้องฝึกร้องเพลง เพราะมีงานช่องหลายอย่างที่ทำให้เราต้องร้องเพลง ก็มีฝึกฝนตัวเอง แต่ก็มีจะมีเพลงประกอบละครที่เราได้ร้อง เรื่องแรกก็ ‘ฟากฟ้าคีรีดาว’ แล้วก็ ‘พราวมุก’ ครับ เป็นเวอร์ชั่นพิเศษที่เป็นเสียงร้องของเรา ดีใจครับที่ได้ทำอะไรใหม่ๆ

ฝากถึงแฟนคลับ

แฟนคลับค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดีใจครับที่มีคนชื่นชอบเรา จะมี #กำลังใจของภณ เป็นแฮชแท็กที่เราตั้งกัน ไว้ความหมายก็ตรงตัวว่า แฟนคลับคือกำลังใจของภณ เวลาผมหมดแรง เวลาเหนื่อย แฟนคลับทำให้เราหายเหนื่อย ทำให้เรายิ้มได้ แล้วก็ฝากติดตามละคร ‘พราวมุก’ ออกอากาศทุกวันจันทร์ – อังคาร เวลา 20.30 น. ทาง #ช่อง3กด33 ด้วยครับ

4


Photography : Chaicharn Ratavanich

Stylist : Supavit Top

Stylist Assistant : Pitchayanan Piyasirikanchana

Makeup & Hair : @tuihair

Clothes : @heidisecret , @roserompstudio , @normcoreshop

Creative Director : Termsit Siriphanich

Editor in Chief : Austin Thein

Location : MeStyle Museum Hotel @mestylemuseum

http://www.mestylemuseum.com   Tel.02 690 8899
5