Cover Interview – Nink Chanya McClory

POSH Magazine Thailand มาพูดคุยกับ นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ นักแสดงสาวมากความสามารถกับบทบาทล่าสุดที่เล่นเป็น “สาว” ในภาพยนตร์เรื่อง “แสงกระสือ 2”

ทำไมตัดสินใจมาแคสต์เรื่องนี้
Presentation ของหนัง เรื่องย่อ Background character ของตัวละคร และ Profile ของทีมค่ะ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนิ้งคือตัวละครกระสือในภาคนี้มันสดใหม่มาก ความเชื่อความคิดมันน่าสนใจไปหมด เรากระหายบทที่เข้มข้น ในภาคนี้มันยังมีส่วนขยายของตัวกระสือที่เป็นเรื่องของ physical เข้ามาด้วย ซึ่งเราไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้มาก่อน ตรงนี้มันท้าทายในด้านการแสดงมาก ตัวละครนี้มีความต้องการหลายอย่างที่เรายังไม่เคยได้ทำ เราอยากเป็นคนสร้างชีวิตให้มันมากจริงๆ

บท “สาว” ที่นิ้งได้รับ คาแรคเตอร์เป็นอย่างไรบ้าง
สาว อายุ 19 ปี นิสัย ร่าเริง ใสซื่อ อ่อนโยน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว บางครั้งสาวก็รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป พ่อ (รับบทโดยพี่น้อย วงพรู) ก็หมกหมุ่นอยู่กับการหาคำตอบ ความสุขของสาวมีแค่ ดนตรี หนังสือ และ บทกวี เพราะมันคือสิ่งที่จะพาสาวออกไปในที่ไกลกว่าบ้านในป่า และถึงแม้สาวจะเป็นเด็กบ้านนอกที่อยู่ในป่าเขา แต่ก็มีความรู้รอบตัวและก้าวหน้ากว่าชาวบ้านทั่วๆไปจากการที่พ่อซื้อหนังสือมาให้อ่าน พอเข้าสู่วัยฮอร์โมนพลุ่งพล่าน ได้เจอคล้าวอีกครั้ง (รับบทโดย เจเจ) สาวก็มีความรักและความหวังขึ้นมาใหม่ พอดีกับปัญหาใหม่ที่จ่อรอจะเข้ามา พาร์ทของกระสือ สาวคิดว่าสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเธอกับเธอก็คือสิ่งเดียวกันที่ไม่อาจแยกจากกันได้ แต่ก็มีพ่อที่เชื่อว่ามันคือเชื้อร้ายต้องกำจัดออกไปคัดค้านอยู่ เวลากลายร่าง สาวจะเหลือสติแค่ประมาณหนึ่ง หรืออาจจะจำอะไรไม่ได้เลย ในกรณีของสาวเป็นเคสพิเศษ เนื่องจากสาวได้รับเชื้อผ่านพ่อมันจึงเกิดการกลายพันธุ์เป็นกระสือพันธุ์ใหม่ที่แตกต่างจากภาคที่แล้ว สาวคุ้นชินกับมันมาตั้งแต่เด็ก พยายามเรียนรู้การควบคุมมัน แต่บางครั้งมันก็ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะตัวแปรอีกอย่างที่อาจจะทำให้สาวกลายเป็นกระสือที่ดุร้าย คืออารมณ์ เช่น โมโห โกรธแค้นหรือเสียใจ

การทำงานครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
การมีทีมที่ดีจะทำให้เรื่องที่ยาก มันก็ยังคงยากแต่สนุก เขาไม่ต้องรับฟังความคิดเห็นหรือขอความคิดเห็นจากเราก็ได้ แต่ทุกคนรับฟังกันและกันหมด คิวแรกที่ถ่ายทำนิ้งเจอ สัตว์ เด็ก เอฟเฟ็กต์ สลิง ครบ เรื่องนี้เราถ่ายฉากท้าย ๆ เรื่องกันก่อน อารมณ์เข้มข้นและก็เป็นพาร์ทมอนสเตอร์ซะเยอะ ขึ้นสลิง ขึ้น flying rig ใส่คอนแทคเลนส์ ฟันปลอม ชุดบอดี้สูท แปะจุดมาร์คเพื่อทำซีจี ผมใส่วิก นิ้งไม่เหลืออะไรเลย มีแค่หน้าเท่านั้น (หัวเราะ) ตอนที่ถ่ายทำเป็นช่วงหน้าหนาวด้วย ชุดที่ใส่ก็บางมาก หนาวสุดๆ โลเคชั่นที่นครนายก เป็นบ้านที่สร้างกันขึ้นมาใหม่อยู่ในป่า ต้องนั่งรถโฟร์วีลเข้าไป ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อีกที่คือเชียงใหม่ เชียงใหม่เริ่มสบายขึ้นหน่อยค่ะ เป็นพาร์ทเที่ยวกับหนุ่มสดใส

เรื่องนี้เหมือนพิสูจน์ความอดทนของนักแสดงเหมือนกันนะ
หนูคิดว่าหนูมีความอดทนค่อนข้างสูงนะ (หัวเราะ) พวก วิก ฟันปลอม คอนแทค ก็ต้องยอมเพราะมันช่วยในเรื่องการแสดงด้วย ส่วนการขึ้น flying rig หรือสลิง สนุกดี ตื่นเต้น เราชอบความท้าทาย

ในส่วนของการแสดง นิ้งดีไซน์มูฟเมนท์การเป็นกระสือด้วย เราดีไซน์อย่างไร และเอาไอเดียมากจากไหน
ในภาคนี้การกลายร่างของกระสือถูกออกแบบให้แตกต่างจากภาคที่แล้วในเชิง physical เราจะได้เห็นถึงกระบวนการถอดหัวและกลับเข้าร่างที่อ้างอิงมาจากสัตว์ต่างๆ รวมทั้งการเคลื่อนไหวอย่างเช่นแมงกระพรุน หรือปลาหมึก ภาคนี้คนเขียนบทตีความว่ามันเป็น Creature ที่ใช้ร่างมนุษย์เป็นรังแพร่เชื้อโดยน้ำลาย ก่อนแสดงเรามีการทำเวิร์คช้อปมอนสเตอร์ คลาส และเราก็ศึกษาการเคลื่อนไหวของสัตว์ต่างๆจากในสารคดี เอามาผสมๆกันเข้ากับสัญชาตญาณของเรา เรื่องนี้ใช้จินตนาการเยอะมากๆ

ฉากที่ยากที่สุดคือฉากอะไร
เลือกยากเพราะยากหลายฉาก (หัวเราะ) ให้เลือกจริงๆคงเป็นฉาก หน้าห้องตอนกำลังจะกลายร่าง พาร์ทมอนสเตอร์เป็นพาร์ทที่ต้องใช้พลังเยอะ มีมูฟเมนท์ตลอดเวลา แล้วด้วยข้อจำกัดของเวลา เราถ่ายกันหลายซีนในหนึ่งวัน ซีนนี้ถ่ายเป็นซีนสุดท้ายในวันนั้นแล้วซึ่งเป็นซีนใหญ่ ถ่ายกันอยู่ 3 ชั่วโมงได้ แรงเราก็เริ่มหมด อารมณ์ก็ตึงเครียด ร่างกายก็ไม่ไหว กล้ามเนื้อขาเริ่มเกร็ง ตะคริวจะขึ้น ก็เลยต้องหยุดก่อน

นิ้งเคยเล่นกับซีจีมาก่อนจากเรื่องอื่นมาแล้ว พอเรื่องนี้ได้เล่นกับซีจีอีกเป็นอย่างไรบ้าง
จินตนาการสำคัญที่สุดสำหรับการแสดงกับ Cg แต่นิ้งชื่นชมทีมโปรดักชั่นนี้มากนะ เขามีการทำ mock up อะไรหลายอย่างขึ้นมาเพื่อเป็นไกด์ให้นักแสดงเห็นและรู้สึกจริงๆอย่างเช่นเส้นรยางค์ เขาพยายามทำให้ทีมงานทุกคนเห็นภาพตรงกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างก่อนที่เราจะถ่ายฉากต่อสู้ เขาขึ้น previz ทั้งซีนมาให้เราได้เห็นเลยว่าซีนนี้จะออกมาเป็นอย่างไร เจ๋งมาก พอเราได้เห็นภาพรวมทั้งหมดของซีน เราก็จะรู้ว่าแต่ละคัทเราจะต้องทำอะไร ส่วนตอนเป็นฉากกระสือเราแสดงเองหมด เรื่องนี้จะใช้นักแสดงจริงๆมาทำ SFX make up แสดงเอา เช่น ถ้าเป็นฉากที่เราเป็นกระสือ พี่น้อย เจเจ พี่เอม เขาจะได้เห็นเราร่างกระสือแสดงเป็นกระสืออยู่ตรงหน้าพวกเขาจริงๆ

ร่วมงานกับเจเจ เป็นอย่างไรบ้าง
เรารู้จักน้องมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยทำงานร่วมกัน ก่อนถ่ายจริงเรามีการทำเวิร์คช็อปด้วยกันหลายครั้ง บางครั้งก็ลองซ้อมทำซีนในหนังเลยเพื่อให้ผู้กำกับเห็นภาพรวม และดูว่า Direction การแสดงนี้มันตรงกับสิ่งที่เขาต้องการไหม พอเราได้เวิร์คช็อปกันเยอะมันก็ช่วยทำให้เราคอนเนคกันมากขึ้น โชคดีที่น้องเจเป็นคนสบายๆ รับฟัง ตั้งใจ บางทีเราก็เสนอว่าเดี๋ยวเราจะทำแบบนี้นะ น้องก็รับสิ่งที่เราส่งไปและส่งบางอย่างกลับมา การมีพาร์ทเนอร์ที่ดีมันทำให้เราสนุกกับการทำงานมากๆ

ร่วมงานกับพี่น้อย พรู เป็นอย่างไรบ้าง
พี่น้อยเป็นคนที่เราอยากร่วมงานด้วยมานานแล้ว เขาเป็นนักแสดงที่น่าสนใจ พอได้ทำงานกับเขาเราค้นพบว่าเขามีความเป็นศิลปินสูงมาก และเขาก็มีวิธีการทำงานที่ต่างไปจากเรา แรกๆไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ก็พยายามทำความเข้าใจ ถ้าเขาเปลี่ยนไม่ได้ เราก็จะปรับให้เข้ากับเขา ก็ท้าทายดีค่ะ

ภาคแรกค่อนข้างประสบความสำเร็จ พอมาเล่นภาค 2 เรากดดันไหม กลัวเรื่องการเปรียบเทียบหรือเปล่า
นิ้งว่ามันเป็นเรื่องของรสนิยม ซึ่งยังไงมันก็จะต้องมีความเห็นที่แตกต่างหลากหลายออกมามากมายอยู่แล้ว มันก็เป็นเรื่องของคนดูที่จะตัดสินใจ ในมุมเราหนังยังคงมีรสชาติที่คนดูเคยหลงรัก ทั้งความโรแมนติค และความเป็นมอนสเตอร์ แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยรสชาติใหม่ ให้เซอไพรส์ในทิศทางที่คาดไม่ถึง

การร่วมงานกับผู้กำกับ พี่ดี้ เป็นอย่างไรบ้าง
สบายใจ พี่ดี้เก่ง เป็นคนมีวิสัยทัศน์ และเขาคุยกับเราแบบพี่น้องรับฟังกัน การทำงานเป็นแบบ พี่ดี้กำกับครึ่งนึง และปล่อยให้เราแสดงอย่างอิสระอีกครึ่งหนึ่ง เขาจะเล่า sequence ในซีนนั้นให้เราฟัง และปล่อยให้เราแสดงไป ถ้าเขามีความต้องการอื่นเพิ่มขึ้นมาเขาก็จะบอกเอง บางอันที่เราเล่นขายๆไปแล้วเขาชอบเขาก็จะบอกว่าเขาชอบ เวลาเราแสดง เราจะมีเซนส์ประมาณหนึ่งนะว่าซีนนี้โทนมันน่าจะออกมาประมาณไหน แต่ความประทับใจคือ มีวันหนึ่งพี่ดี้ส่งเพลงหนึ่งมาให้ เป็นทำนองเพลงญี่ปุ่นไม่มีเนื้อร้อง พี่ดี้บอกว่าอารมณ์ความรู้สึกสาวกับคล้าวมันโทนประมาณนี้ เราเก็ตทันทีเลย ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก สำหรับเราดนตรีมันเป็นภาษาสากลมาก ทุกเพลงมักจะทำให้เรารู้สึกอะไรบางอย่าง มันเป็นเรื่องของพลังงาน เพลงนี้มันก็ทำงานอย่างนั้น

คิดว่าเรื่องนี้โดดเด่นอย่างไรบ้าง
เป็นภาพยนตร์บันเทิงที่มีรสชาติหลากหลาย ไม่ประนีประนอม ในขณะเดียวกันก็มีความโดดเด่นด้านสุนทรียภาพเป็นอย่างมาก เป็นหนัง Monster Fantasy ที่มีความเป็นมนุษย์อยู่สูง อีกอย่างใน แสงกระสือ 2 นี้จะทำให้คนดูมีภาพจำเกี่ยวกับกระสือและกระหังในรูปแบบใหม่ที่แตกต่างออกไปจากที่เคยมีมา อยากให้ทุกคนไปสัมผัสมันในโรงภาพยนตร์ เชื่อว่ามันจะเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอนค่ะ

พบกับเรื่องราวความรักต่างสายพันธุ์ระหว่าง “คน” และ “กระสือ” ในภาพยนตร์เรื่อง “แสงกระสือ 2” 30 มีนาคมนี้ โนโรงภาพยนตร์ 


Photographer: Nol Kerdsup @gur_kerdsup

Stylist: @supvit.style

Stylist Assistant: @Jiraaaa29

Makeup @theacass

Hair @spophair

Creative Director: @termsit

Editor in Chief: Austin Thein

#แสงกระสือ2
#Inhumankiss2
#เนรมิตรหนังฟิล์ม
#neramitnungfilm
#เพราะทุกสิ่งเนรมิตรได้ด้วยมือเรา
#Transformationfilms
#ฉายแสง