Cover Interview – Mik Louis

“มิกค์-หลุยส์” กับการทบทวน 5 ความประทับใจในเรื่อง “แม่โขง”

เดินทางมาถึงตอนที่ 34 ในวันนี้กับตอนสุดท้ายของละคร “แม่โขง” ที่บู๊ระห่ำเฉือนคมจนหยดสุดท้าย ซึ่ง 2 พระเอกหนุ่ม “มิกค์ ทองระย้า” และ “หลุยส์ เฮส” ได้ทีถึงคราวขึ้นปก POSH MAGAZINE THAILAND ด้วยเซ็ตแฟชั่นที่ไม่รู้ว่า นุบนิบใจเหล่าแฟนคลับหรือไม่ เพราะหลายคนมองว่า ตกลงแล้วนี่คู่ซี้หรือคู่จิ้นกันแน่ แต่ด้วยสายสัมพันธ์ของเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกับละคร “แม่โขง” มาตลอด 9 เดือน 

พวกเขาเลยพารูปร่างสูง 180+ มาพูดคุยและเปิดเผยถึงความรู้สึกที่มีต่อละครเรื่องนี้ และบอกเล่าจากสายตาของกันและกันในฐานะพาร์ทเนอร์ทางการแสดง ที่ใครหลายคนได้อ่านแล้ว ต้องหลงรักพวกเขามากขึ้น จนอยากให้ทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกแน่นอน

ความประทับใจแรก – แด่ตัวละครที่ตั้งใจ

หลุยส์: ดราโกเปลี่ยนแปลงตัวผมพอสมควร เพราะพี่เวอร์ (โอริเวอร์ บีเวอร์) ต้องการปรับลุคผมให้ผมดูผู้ใหญ่มากขึ้น มีความนิ่งและกระฉับกระเฉงกว่าเดิม รวมถึงฉะฉานในคำพูดและท่าทาง ซึ่งละครก่อนหน้านี้ผมจะออกแนววัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ แต่เรื่องนี้คือความคิดโตและวางแผนอยู่เสมอ ผมเลยตั้งใจกับมันมากๆ ซึ่งต้องขอบคุณพี่เวอร์ที่ชวนผมมาร่วมโปรเจกต์นี้ เพราะต้องเท้าความก่อนว่า ค่ายของพี่เวอร์เป็นค่ายที่ผมอยากร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ 5-6 ปีที่แล้ว และพอได้มาร่วมงานจริงๆ ก็รู้สึกยินดีและดีใจมาก

มิกค์: เดฟ ชอน เป็นตัวละครที่ผมทำการบ้านกับเขาเยอะมาก จากคนที่ไม่เชื่อเรื่องพญานาค ค่อยๆ ค้นหาความจริงของเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เราจะไต่ระดับจากความไม่เชื่อให้กลายเป็นความเชื่อได้อย่างไร ตรงนี้ก็ทำการบ้านหนักด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็คือ การเป็นทหารอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจับปืน ผมถึงขั้นต้องไปดูคลิปการจับปืนรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปืนสั้นหรือปืนยาว เพื่อความสมจริง ท่าทางมันต้องได้ ยังไม่นับรวมการบุกเป็นทีมและต้องเพิ่มอินเนอร์ความเป็นทหารใส่เข้าไปอีก มันเลยทำให้ผมต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้เพิ่มเติมมากขึ้น

ความประทับใจที่สอง – แด่ผู้กำกับที่นับถือ

มิกค์: ขอบอกความลับถึงพี่เวอร์บางอย่าง คือผมเคยเจอพี่เวอร์ตามงานช่องบ่อยมาก และมีครั้งหนึ่งผมรวบรวมความกล้าของตัวเอง (หัวเราะ) บอกพี่เวอร์ว่า อยากมีโอกาสร่วมงานกับพี่เวอร์ ซึ่งพี่เวอร์เองก็บอกว่า อยากร่วมงานกับมิกค์เหมือนกัน จาก 5-6 ปีที่แล้วที่คุยกัน กลายเป็น 9 เดือนในปีที่แล้วที่ความฝันของพี่เวอร์และผมเป็นจริง และผมสนุกกับการทำงานมาก เพราะพี่เวอร์รับฟังผมในทุกจุดเลย อยากแก้ตรงไหน รู้สึกติดขัดอะไร อ่านแล้วตัวละครรู้สึกเหมือนกับบทที่เขียนไหม เขารับฟังผมตลอด จึงเกิดการแชร์ความคิดกันระหว่างการทำงาน นั่นเลยทำให้ทุกอย่างออกมาดีมาก

หลุยส์: ผมเห็นด้วยกับมิกค์นะ ผมเสริมเพิ่มเติมคือ พี่เวอร์เป็นผู้กำกับที่ละเอียดมาก มีภาพอยู่ในหัวชัดเจน ถ้าการแสดงของเราได้แล้วคือเท่านี้ ไม่มีถ่ายเผื่อ ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกของผมที่ได้ร่วมงานแล้วไม่มีถ่ายเผื่อ เป็นกองที่รู้งานและรู้ใจกันเป็นอย่างดีตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา สำหรับผมถือว่า “เร็ว” เพราะทุกคนคลิกกันและมีภาพที่ตรงกันในการถ่ายทำ เลยทำให้การทำงานในเรื่องนี้สมูทมาก ยกเครดิตให้พี่เวอร์และทีมงานเบื้องหลังทุกคนเลย

ความประทับใจที่สาม – แด่ฉากที่ตราตรึงใจ

มิกค์ : ผมเป็นคนเดียวที่ลงน้ำ ดำน้ำ และตกน้ำในเรื่องเยอะมาก (หัวเราะ) ฉากที่ตราตรึงใจสำหรับผมเลยเป็นฉากที่เกี่ยวกับน้ำหรืออยู่ใต้น้ำ ซึ่งถ่ายทำค่อนข้างยากพอสมควร ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเวลาหรือปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ โดยเฉพาะฉากไวรัลที่หลายคนยกให้เป็นมีมแห่งปีคือ ฉากตอนผมคล้องเชือกพญานาคแล้วดึงลงไปในน้ำที่มีการยื้ดยุดฉุดกระชากกันประมาณหนึ่ง วันนั้นผมขับรถกลับบ้านด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องเรียกน้องให้มาขับรถให้ เนื่องจากกว่าหูจะหายอื้อเพราะลงน้ำก็ใช้เวลานาน แถมตาก็ยังปรับโฟกัสได้ไม่เต็มที่ พอเล่าตรงนี้ มันอาจดูทุลักทุเล แต่มันเป็นความคุ้มค่าที่ทำให้ทุกคนจำการแสดงของผมได้ ซึ่งผมว่า มันเป็นผลตอบแทนที่ดีที่ได้ลงแรงไปกับฉากนี้

หลุยส์: อยากมีฉากเป็นมีมกับเขาบ้าง (หัวเราะ) ซึ่งความจริงทั้งผมและมิกค์ รวมถึงนักแสดงทุกคนทุ่มเทกับทุกฉากที่ถ่ายทำ แต่ว่าฉากที่ผมรู้สึกว้าวและติดตาผมอยู่น่าจะเป็น “ฉากจบ” ซึ่งเป็นการสรุปเรื่องราวและเล่าเรื่องทั้งหมด เป็นการขมวดตอนท้ายที่ตัวละครขับเรืออยู่บนแม่น้ำโขงแล้วนึกถึงภาพเหตุการณ์บางอย่าง พูดเล่าไปเดี๋ยวหาว่า สปอยล์ ยังไงรอติดตามกันได้คืนนี้ว่า บทสรุปของตัวละครทั้งหมดจะออกมาในรูปแบบใด

ความประทับใจที่สี่ : แด่แฟนคลับที่ติดตาม

หลุยส์: ทุกคนชอบและสนุกไปกับละครมากๆ เขาบอกว่าคาแร็คเตอร์ของผมเปลี่ยนไปเยอะเลยจากเมื่อก่อน และเมื่อผมลองไปนั่งดูจริงๆ ก็รู้สึกว่า โห…เราเปลี่ยนไปเยอะนะ (ยิ้ม) มีความโตขึ้น ดูไม่ใช่เด็กแล้ว และแฟนคลับของผมอีกคนคือ พี่เวอร์ ผมยังจำที่เขาพูดได้เลยว่า “ดราโก” จะเป็นลุคและภาพจำใหม่ของหลุยส์ ที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไม่เด็กอีกต่อไปแล้ว ซึ่งผมก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้ผมอย่างสม่ำเสมอครับ

มิกค์: ผมว่าคนที่อดทนรอได้เก่งกว่าผมคือ “แฟนคลับ” นะ เพราะเขาบอกว่า รอผมเล่นบู๊มา 6 ปีแล้วที่เป็นบู๊ใหญ่ๆ ล่าสุดที่บู๊คือ ละคร “ยึดฟ้าหาพิกัดรัก” ครั้งนี้เลยสมการรอคอยของพวกเขา สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือ ชื่นใจเลย ไม่ผิดหวัง ยิงปืนเท่มาก หลายคนบอกผมว่า ผมคือ “นักจับพญานาคในตำนาน” อย่างล่าสุดตอนที่ฉากนี้ไวรัลและผมไปงานอีเวนต์ ผมก็มีเชือกฟางสีแดงของผมไปด้วย แฟนคลับก็มีเชือกฟางของเขามาเหมือนกัน ก็มีให้ผมเล่นโรลเพลย์ฉากนั้นอีกครั้งกับแฟนคลับ ก็ถือเป็นภาพที่น่ารักดีที่เขาให้กำลังใจผมอยู่ไม่ห่าง

ความประทับใจที่ห้า : แด่การเป็นพาร์ทเนอร์กันและกัน

มิกค์: ผมว่าผมโชคดีที่ได้เขาเป็นเพื่อนร่วมงาน เพราะมีอะไรเราสองคนก็คุยกันตลอด อย่างก่อนจะเริ่มถ่ายทำ เราก็แชร์มุมมองกันและกัน และพอถ่ายทำจริง ก็ยิ่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเรื่อยๆ มันเลยค่อนข้างสนุก ทำงานด้วยกันไวและเข้าขากันมาก ผมเลยอยากบอกเขาว่า ดีใจจริงๆ ที่ได้โคจรมาร่วมงานกัน และหวังว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกในเรื่องถัดๆ ไป

หลุยส์: คำว่าจากเพื่อนร่วมช่องสู่เพื่อนซี้ ผมว่าไม่เกินจริงนะ เพราะเราถ่ายร่วมกันมา 9 เดือน ยิ่งทำงานด้วยกันมากขึ้น ก็ยิ่งเห็นมุมความตลกและน่ารักของกันและกันมากขึ้น ผมเลยมองว่า ทุกอย่างมันมีความสุขมากๆ และดีใจที่ได้มิกค์มาเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์เรื่องนี้ที่ได้สร้างผลงานดีๆ ร่วมกัน และหวังว่าถ้ามีโปรเจกต์ได้ร่วมงานด้วยกันอีกในครั้งต่อไป จะเป็นกำลังใจให้เราทั้งสองคนด้วย


Photographer : @_pnphoto_
Stylist : @tonta3a @j.jaa_
Clothes : @narciss.official , @_homonic_
Makeup : @jaydai_makeup
Hair : @pom_hairstylista
Editor in Chief : Austin Thein
Creative Director : Termsit Siriphanich @termsit
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz