Cover Interview – Kim Goodburn

‘คิม-ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น’ กับการเปิดใจด้วย 10 คีย์เวิร์ดโชว์ไหวพริบ

สัมภาษณ์ธรรมดา ก็คงไม่ตื่นเต้นเร้าใจหนุ่มคนนี้เท่าไหร่ POSH MAGAZINE THAILAND เลยจัดให้การพูดคุยเป็นเหมือนเวทีประกวดย่อมๆ คล้ายกับเวทีประกวดของเขาที่เพิ่งผ่านมา จากการคว้าตำแหน่ง Mister International 2023 ซึ่งถือเป็นหนุ่มไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เวทีนี้ได้เป็นผลสำเร็จ

@vanillinstudio @kaserox_official

‘คิม-ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น’ หรือใครอาจรู้จักเขาในนาม ‘คิม THE FACE MEN’ หรือใครอาจเห็นหน้าค่าตาเขาในซีรีส์พีเรียดชื่อดัง ‘หอมกลิ่นความรัก’ กับบทบาท ‘มิสเตอร์เจมส์’ นั่นแหละ…เขาคือคนคนเดียวกัน วันนี้เลยท้าทายเขาสักนิด ด้วยการจำลองรอบ ‘คีย์เวิร์ด’ จากการจับคำสำคัญขึ้นมาแบบสดๆ แล้วเขานึกอะไรได้เกี่ยวกับคำๆ นี้ ก็ให้เขาตอบความคิดและความรู้สึกของตัวเองออกมาเลย เรียกว่าเพียวมากตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะ

คำที่ 1: อายุ 24 ปี

  เป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ในชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมาก เหมือนเป็นช่วงที่กำลังให้ผมซักซ้อมความเป็นผู้ใหญ่ (หัวเราะ) ไม่ว่าจะเป็นการวางตัว บุคลิกภาพ และความคิดที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเข้าสังคมและเปิดใจให้กับผู้คน รวมถึงการเลือกคนที่จะเข้ามาในชีวิตของผมด้วย ผมเลยมองว่า อายุ 24 ปี เป็นอายุที่เตรียมพร้อมให้ผมก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่แบบจริงๆ จังๆ

@vanillinstudio @kaserox_official

คำที่ 2: ลูกครึ่ง

  ตัวตนของผมเอง (ยิ้ม) ปฏิเสธไม่ได้เลย ผมมีคุณพ่อเป็นคนอังกฤษ คุณแม่เป็นคนไทย แต่ผมเกิดและเติบโตที่กรุงเทพฯ ตลอดทั้งชีวิต ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศไทยเลย แม้หน้าตาและบุคลิก บุคลิกผมจะเป็นแบบนี้ แต่หัวใจผมก็ยังเป็นไทยอยู่ในระดับหนึ่ง ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนและปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ สิ่งที่ผมได้จากความเป็นลูกครึ่งอังกฤษ นั่นก็คือ ผมได้ความเป็นสุภาพบุรุษเพิ่มเข้ามาว่า ควรจะต้องปฏิบัติตัวหรือวางตัวต่อผู้อื่นอย่างไรให้เหมาะสม ซึ่งผมมองว่า เป็นส่วนผสมความเป็นไทยและอังกฤษที่ลงตัวมาก

@vanillinstudio @kaserox_official

คำที่ 3: รักบี้

  แม้หลายคนจะมองว่า กีฬานี้ดูดุ ใช้แรงปะทะเยอะ แต่ถ้าให้มองเนื้อในแล้ว มันคือการวัดการทำงานภายในทีม วางแผนเล่นแบบใช้แรงปะทะให้น้อยที่สุด รวมถึงวัดความเป็นสุภาพบุรุษ ทุกคนเล่นอย่างเป็นมิตร จบเกมก็จับมือทักทายกันตามปกติ ซึ่งเป็นกีฬาที่ผมเล่นมาตั้งแต่ 8 ขวบ และเล่นมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้ผมเกษียณให้มันแล้ว ด้วยปัญหาสุขภาพบางอย่าง เลยให้กีฬารักบี้เป็นการเล่นเพื่อเข้าสังคมและคาร์ดิโอตัวเองมากกว่าจะแข่งจริงจัง แต่ผมบอกได้เลยว่า กีฬานี้เข้าแล้วออกยากนะ (หัวเราะ)

 @51percent_official @techinunderground @kaserox_official

คำที่ 4: นายแบบ

  ผมว่ามันเป็นใบเบิกทางชั้นดีที่ทำให้ผมได้พัฒนาศัยกภาพในด้านอื่นๆ ของตัวเอง ซึ่งช่วยต่อยอดและแตกแขนงการทำงานออกไปได้ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือพิธีกรก็ตาม อย่างการแสดง ผมเองก็สนุกที่จะได้ทดลองสวมบุคลิกเป็นคนอื่นและใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ต่างๆ หรือพิธีกรที่ต้องวางบุคลิกและน้ำเสียงให้อยู่ในจังหวะที่พอดี เพื่อให้คนหันมาสนใจ ซึ่งตรงนี้ ผมก็ต้องให้เครดิตทาง THE FAEC MEN ด้วย ที่ช่วยกรูมมิ่งและเทรนนิ่งให้ผมเป็นผมได้ในทุกวันนี้ 

คำที่ 5: นักแสดง

หลายคนอาจคิดว่า นักแสดงกับดาราคือคำเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ ดาราอาจมุ่งเน้นชื่อเสียงและการเป็นที่รู้จัก แต่นักแสดงมุ่งเน้นคุณภาพและการเป็นที่ยอมรับ ผมเลยมองว่า ไม่ง่ายที่จะไปถึงจุดนั้น อย่างเรื่องคุณภาพ ก็ไล่เรียงมาเลยตั้งแต่การเลือกเรื่อง การถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ ไปจนถึงการตีบท ซึ่งกว่าจะเข้าใจจนแสดงให้คนอินได้ ก็ต้องผ่านหลายกระบวนการมากๆ

แม้แต่การเป็นที่ยอมรับ ก็ต้องใช้การสั่งสมประสบการณ์พอตัวกว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ ซึ่งผมเองก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้อีกมาก อย่าง ‘หอมกลิ่นความรัก’ ที่ได้แสดงกับ ‘พี่นนกุล’ (ชานน สันตินธรกุล) ‘พี่ไบร์ท’ (รพีพงศ์ ทับสุวรรณ) หรือ ‘พี่ไต้ฝุ่น’ (กนกฉัตร มรรยาทอ่อน) คือทุกคนมีของและศักยภาพในตัวเอง ผมในฐานะนักแสดง ก็ต้องศึกษาว่า จุดไหนของพวกเขาที่ดึงไปใช้กับการแสดงของตัวเองได้ และมีจุดไหนที่ผมต้องพัฒนาไปให้ถึง ซึ่งผมอยากทำออกมาให้ดีที่สุดให้สมกับคำว่า ‘นักแสดง’ ที่หลายคนมองมาที่เรา

@vanillinstudio @51percent_official

คำที่ 6: มิสเตอร์เจมส์

  ตอนที่ได้รับการเรียกตัวให้มาแคสติ้งบทนี้ ผมรู้สึกว่า ‘มิสเตอร์เจมส์’ ใกล้เคียงกับผมอยู่พอสมควร ด้วยความที่เขาเป็นสุภาพบุรุษ เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แม้เขาจะดูแปลกๆ บ้างในบางมุม (หัวเราะ) แต่เขาก็เปิดรับหลายสิ่งหลายอย่างมาก ถ้าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย มันเลยทำให้มิสเตอร์เจมส์เป็นตัวแทนของคนยุคนั้นจริงๆ ที่ถึงแม้ใจจะเปิดกว้าง แต่ก็ต้องติดกรอบสังคมบางอย่างอยู่ดี ซึ่งผมว่ามันมีเสน่ห์และน่าสนใจเอามากๆ

  เชื่อไหมว่า ตอนแคสติ้ง ผมคิดว่าตัวเองจัดการกับตัวละครและทำออกมาได้ดี เพราะผมได้แสดงตามที่อยากเล่น และได้ถ่ายทอดในสิ่งที่รู้สึกจริงๆ ผลสรุปคือ ได้รับคัดเลือก ตอนนั้นมีความสุขและตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจกต์นี้ และหลังถ่ายจบ ก็รู้สึกพอใจในการแสดงที่ทำไปมากๆ 

@techinunderground @kaserox_official

คำที่ 7: การประกวด

  ไม่เคยนึกเลยว่า ตัวเองจะมายืนอยู่บนเวทีประกวด ไม่ว่าจะเป็น Mister International 2023 ที่เป็นเวทีของไทยหรือแม้กระทั่งเวทีโลก เพราะผมลังเลว่า เราจะไปประกวดเพื่ออะไร และนึกไม่ออกว่า จะต่างจากตอนประกวด THE FACE MEN แค่ไหน เพราะถ้ามองในด้านกายภาพ ผมเองก็ไม่ได้มั่นใจว่า จะสู้กับนายแบบระดับนานาชาติที่เขาเทรนมาเพื่อการประกวดโดยเฉพาะ

  ผมคิดตรงจุดนี้กลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ แต่สิ่งที่กระตุกความคิดผมคือ มันจะมีโอกาสแบบนี้เข้ามาในชีวิตสักกี่หน เราเองสิที่ต้องคว้าโอกาสนั้นไว้ ผมเลยตัดสินใจลงประกวด และไม่รู้ว่าพระเจ้าจัดสรรจังหวะชีวิตให้ด้วยหรือเปล่า เพราะการประกวดครั้งนี้ กลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะและคุ้มค่ามากๆ และคิดไม่ผิดที่ได้มาประกวด เพราะทุกอย่างที่ผมและทีมลงมือทำมันลงตัวมากจริงๆ

@vanillinstudio @kaserox_official

คำที่ 8: คำวิจารณ์

  หลายคนอาจไม่ชอบ แต่ผมชอบมาก เพราะผมรักในการพัฒนาตัวเอง ผมชอบฟังฟีดแบ็คและอ่านคอมเมนต์เกือบทุกคอมเมนต์ที่พูดถึงผม ซึ่งผมยอมรับว่า ตัวเองไม่ได้เพอร์เฟ็คท์ที่สุด เพราะหน้าที่การเป็นมนุษย์คือ พัฒนาตัวเองให้ใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟ็คท์มากที่สุด นั่นคือความเป็นมนุษย์ เราต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ 

คำวิจารณ์จึงเป็นแรงผลักดันให้ผมทำงานและพยายามใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งคำวิจารณ์อาจมีทั้งดีและไม่ดี โดยคำวิจารณ์ที่ไม่ดี ถ้าสังเกตเป็น ก็จะเห็นถึงวิธีการที่จะเปลี่ยนจากไม่ดีกลายเป็นดีขึ้นได้ นั่นคือความคิดในการมองคำวิจารณ์ด้านลบของผม และถ้าให้มองตัวเอง ผมไม่ใช่คนที่ตำหนิอะไรนิดหน่อยก็ใจเสีย แต่ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าสิ่งนั้นไม่ดีจริง ผมจะปรับปรุงตัวเองทันที

@techinunderground @kaserox_official

คำที่ 9: อนาคต

  ผมเป็นคนโชคดีมากที่คุณแม่ได้ให้โอกาสทดลองอะไรหลายอย่างในชีวิตตั้งแต่เด็ก เพราะการได้ทำอะไรหลายอย่างในวัยเด็ก เหมือนเราเก็บกุญแจหลายๆ ดอกเอาไว้ใช้ในอนาคต เมื่อเรามีอายุมากขึ้น กุญแจเหล่านั้นจะนำทางเราไปสู่ประตูแห่งโอกาส โดยที่กุญแจเหล่านั้นสามารถไขประตูได้หลายบานมากๆ ซึ่งผมว่าผมปลดล็อกประตูไปได้เยอะมากทีเดียวจากกุญแจที่ผมเก็บไว้ 

ผมเชื่อว่า ในอนาคต ไม่ว่าชีวิตจะโยนอะไรมาให้ผม ผมก็พร้อมตั้งรับและพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเป็น ‘คิม กู้ดเบิร์น’ ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด ซึ่งผมก็หวังว่า เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และผู้ใหญ่ทุกคน จะให้โอกาสผมได้แสดงศักยภาพและทำงานในวงการอย่างเต็มกำลังต่อไป

@vanillinstudio @kaserox_official

คำที่ 10: คิม กู้ดเบิร์น

  ผมว่าผมนิยามตัวเองยากมากนะ (หัวเราะ) เพราะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเองเยอะมาก ตอนเด็กผมอาจนิยามตัวเองว่า เป็นเด็กไฮเปอร์ เด็กแอคทีฟ เด็กกิจกรรม ทำทุกอย่าง เป็นคนที่หยุดนิ่งไม่ได้ แต่พอโตขึ้น ผมว่าผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี แต่ยังยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ไม่ฟุ้งฝัน และมีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนว่า ตัวเองต้องเลี้ยงดูครอบครัวได้ ให้พ่อแม่อยู่สบาย จากที่เขามอบชีวิตนี้ให้กับเรา นั่นคือการตอบแทนบุญคุณและเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของผม

ตอบฉะฉาน ไหวพริบดี ความคิดเจ๋งขนาดนี้ POSH MAGAZINE ขอเป็นกำลังใจในก้าวถัดไปของ ‘คิม-ธิติสรรค์ กู้ดเบิร์น’ ให้ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงตามที่ตัวเองได้ตั้งใจไว้


Photographer: Termsit Siriphanich@termsit
Stylist: Khomkrit Thanasomboon @Kristhanasomboon
Makeup/Hair: @eddiethailand
Clothes: @techinunderground
@vanillinstudio
@51percent_official
@kaserox_official
Editor in chief: Austin Thein
Photo Assistants: Peerakran Numnoke @_pnphoto_
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz

#KimGoodburnxPOSH