Cover Interview – Kem Hussawee

เฉดชีวิตที่อ่อนสลับเข้มของ ‘เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล’

1

ตอนแรก POSH MAGAZINE THAILAND คิดจะเขียนสัมภาษณ์แบบเรียบเรียงเรื่อง ค่อยๆ รู้จักหนุ่มเข้มแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่คำตอบของ ‘เข้ม-หัสวีร์’ ผู้ชายร่างสูง 188 เซนติเมตรที่นั่งหน้าเราตรงนี้ มันลึกซึ้งจนทำให้ต้องเปลี่ยนท่าทีการเล่าใหม่เป็นคำถามและคำตอบ เพราะเฉดชีวิตที่น่าสนใจของเขา มีตั้งแต่สีอ่อนไปจนถึงสีเข้มในแบบที่คุณเองก็ไม่คาดถึงว่า มันจะเข้มได้ถึงขนาดนี้ เราเลยอยากบรรจุทุกความรู้สึกของหนุ่มเข้มเข้าไปผ่านบทสัมภาษณ์นี้ และไม่อยากปล่อยให้คำตอบดีๆ จากคนที่คุณรักหลุดไปแม้แต่เพียงคำเดียว

8

POSH: ช่วงเวลาหนึ่งเข้มดูเป็นคนที่ไม่ฟังใคร แต่มีอยู่ 3 สิ่งที่ทำให้เข้มเป็นเข้มได้ทุกวันนี้คือ คุณตาที่ดึงเข้มออกจากเพื่อน ครอบครัวที่เข้าใจ และคำสอนคุณยายเรื่องเวลาและคำพูด เลยอยากถามกลับว่า รู้สึกเสียดายเวลาที่เราไม่ฟังใครหรือเปล่า เพราะถ้าเราเปลี่ยนหรือรู้สึกตัวเองเร็วกว่านี้ มันน่าจะช่วยให้ชีวิตเข้มเข้าที่เข้าทางกว่านี้ 

KEM: เสียดายครับ เพราะครอบครัวผมไม่ใช่ครอบครัวที่ลำบาก เพียงแต่ตัวเองไม่เข้าไปถามเหตุผลหรือคุยกับเขาเพื่อให้เข้าใจตรงกันเหมือนๆ กับตอนที่ถามเพื่อนหรือคนอื่น ผมน่าจะปฏิบัติกับคนในครอบครัวเหมือนคนข้างนอก เพราะทุกคำที่เขาสอนมา มันย้อนกลับมาหาผมหมดเลย ผมได้เจอสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น เจอสังคมที่ทำตามใจตัวเองไม่ได้ทุกอย่าง มันกลายเป็นว่า ผมต้องมาเรียนรู้จากข้างนอกอีก เรียนรู้จากสิ่งเดิมที่ครอบครัวเคยสอนมา แทนที่ผมจะเข้าใจตั้งแต่ตอนนั้นเลย แต่ผมเลือกที่จะไม่ฟังใคร หากให้ย้อนกลับไป ผมคงเริ่มทำความเข้าใจจากตรงนั้น จากบทเรียนเก่าที่ครอบครัวเคยได้มอบไว้ และค่อยๆ เรียนรู้มัน ซึ่งนั่นน่าจะทำให้ผมมีภูมิต้านทานชีวิตที่มากขึ้น และเข้าใจอะไรได้ไวกว่าเดิมจากการฟังคนในครอบครัวมากขึ้น

4

POSH: ถูกชักชวนให้เข้าวงการตั้งแต่ม.ต้น แต่ปฏิเสธไป เพราะไม่กล้าและกลัวการเข้าสังคมแล้วอะไรทำให้ตัดสินใจเข้ามาและทลายกรอบการเจอผู้คนตรงนั้นได้

KEM: จุดที่ทลายของผมคือ รายได้น้อยและไม่พอที่จะดูแลครอบครัว เราทำงานเป็นช่าง เงินเดือนที่ได้ก็ตามวุฒิที่ได้มา ผมเลยคิดถึงการชักชวนครั้งนั้น และติดต่อเขาไปเองเลยว่า พอจะมีงานเดินแบบบ้างหรือเปล่า ผมยอมรับว่า ช่วงนั้นยังพูดไม่เก่งครับ เลยคิดว่าถ้าเกิดพูดไม่เก่ง ก็เลือกการเดินแบบก็ได้ เพราะนายแบบสำคัญที่รูปร่างและหน้าตาในการนำเสนอเสื้อผ้า แต่พอทำไปทำมา เจอคนเยอะและหลากหลายขึ้น มันหลีกเลี่ยงเรื่องการคุยไม่ได้ เพราะการคุยทำให้ได้มาซึ่งคอนเน็กชั่นในงานต่อๆ ไป มันเลยทำลายกำแพงของผมไปในตัวในเรื่องกลัวการเข้าสังคม และกล้าที่จะคุยกับคนอื่นมากขึ้น

7

POSH: จากเรื่องแรก ‘ไฮโซสะออน’ จนมาถึง ‘บ่วงวิมาลา’ เรื่องไหนที่เข้มรู้สึกว่า ตัวเองเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า ‘การแสดง’ แล้วจริงๆ

KEM: จริงๆ ผมสะสมประสบการณ์การแสดงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ถ่ายมิวสิควิดีโอ ที่พอมานั่งดูตัวเอง มันก็ไม่ได้แย่นะ (หัวเราะ) ผมเลยไปต่อและสนุกกับมัน ซึ่งโชคดีที่ผมได้ร่วมงานกับผู้กำกับเก่งๆ เยอะมาก เพราะแต่ละเรื่องหรือการทำงานของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเลย แต่เรื่องที่ผมรู้สึกถึงอินเนอร์ข้างในของผมจริงๆ คือ ‘โซ่เวรี’ เพราะพี่ต่อ (ศุภฌา ครุฑนาค) ผู้กำกับ เขาเน้นเรื่องความรู้สึกของตัวละครมากๆ เขาสอนผมมาแต่ไหนแต่ไรเลยว่า “ถ้าเรารู้สึกได้ ทุกอย่างจะออกมาได้หมด” เหมือนตอนนั้นพี่ต่อมาเปิดสวิตซ์ไฟในใจผม เราเลยเข้าใจแบบจัดๆ เลยในตอนที่แสดงเป็น ‘ปรินทร์’ และพอมาถึง ‘บ่วงวิมาลา’ มันเลยทำให้ผมจัดการความรู้สึกตัวละครได้ดีขึ้น และมองในมุมของตัวละครได้กว้างขึ้นด้วยว่า เขาคิดหรือรู้สึกอย่างไร หลังจากที่ผ่านเรื่อง ‘โซ่เวรี’ มา

6

POSH: เข้มใช้เทคนิคหนึ่งในการแสดงคือ ชอบสังเกต กับตัว ‘ปรินทร์’ ใน ‘บ่วงวิมาลา’ เข้มได้ใช้เทคนิคนี้หรือไม่ หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก ‘โซ่เวรี’ เรื่องก่อนหรือเปล่า

KEM: ใช่ๆ ไม่เคยมีใครถามเรื่องนี้ผมเลย ที่นี่เป็นที่แรก สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ปรินทร์เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น ใจเย็นลงมากกว่าเดิม และคิดอะไรได้ไวกว่าตอน ‘โซ่เวรี’ ซึ่งถ้าถามว่าได้ใช้เทคนิคการสังเกตหรือเปล่า อย่างตัวปรินทร์เป็นนักธุรกิจ ผมก็จะชอบสังเกตผู้บริหารท่านอื่นๆ ว่า เขาวางตัวกันอย่างไร บางทีดูจากคลิปในยูทูป หรือถ้ามีเพื่อนเป็นนักลงทุนหรือนักเล่นหุ้น ก็จะเข้าไปขอคำแนะนำหรือดูปฏิกิริยาเขาว่าเป็นอย่างไร เช่น การจับแก้ว การดื่มน้ำ หรือการพูดคุยกับคนอื่น บางสิ่งบางอย่างมันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในความเป็นมนุษย์ที่แฝงอยู่ในนั้น แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละที่ทำให้เราออกแบบตัวละคร ‘ปรินทร์’ ได้สมกับความเป็นผู้บริหารหรือนักธุรกิจมากที่สุด 

9

POSH: แล้วพาร์ทเนอร์แสดงที่ชื่อ ‘มุกดา นรินทร์รักษ์’ ในวันนี้เป็นอย่างไรบ้างในสายตาเข้ม ยังต้องปรับจูนกันอยู่ไหม หรือรู้ใจกันเป็นอย่างดีแล้ว

KEM: 3 ปีกว่าๆ ที่ผ่านอะไรด้วยกันมามาก ทั้งการแสดงหรือการทำบุญต่างๆ ผมสังเกตเขาอยู่ตลอดเวลาและรู้จักเขาไปเรื่อยๆ จนรู้ทางว่า เขาจะมารูปแบบนี้ แต่กับการแสดง เชื่อไหมว่า เวลาที่ ‘มุก’ ส่งอารมณ์มาให้ผม การแสดงเขาในบางครั้ง มันแอบท้าทายการแสดงผมอยู่เหมือนกัน เพราะเขาจะมีอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา มันไม่ใช่ความรู้สึกและการเล่นแบบเดิม การแสดงกับ ‘มุก’ ถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งที่เราก็ไม่รู้ว่า เขาจะโยนอะไรมาให้เรา เรามีทางเดียวคือ เตรียมตัวให้พร้อมและตั้งรับในสิ่งที่เขาจะส่งมาให้เรา

POSH: สิ่งใดในการแสดงที่เข้มยังรู้สึกว่า ทุกวันนี้ยังจัดการหรือรับมือกับมันได้ยากอยู่

KEM: ผมเป็นคนที่มีสมาธิมากๆ นะ แต่สมาธิในบางครั้งก็เป็นดาบสองคมสำหรับผม เพราะผมเป็นคนเส้นตื้นครับ (หัวเราะ) ถ้าผมหลุดแล้ว จะหลุดยาวและหลุดนานเลย โดยเฉพาะถ้ามันเป็นการแสดงหรือช่วงที่ลงร่องตอนที่ต้องหัวเราะพอดี บอกได้เลยว่า ขำไปเลยยาวๆ 

3

POSH: เข้มเคยบอกว่า จากชื่อเสียงที่มากขึ้น เข้มจะไม่เปลี่ยนตัวเองเด็ดขาด เราเลยถามกลับกัน แล้วถ้าชื่อเสียงที่มากขึ้น อยู่ดีๆ ในวันพรุ่งนี้มันกลับหายไป เข้มจะจัดการกับตัวเองอย่างไร

KEM: ไม่เป็นไรครับ เพราะปกติผมก็ใช้ชีวิตเหมือนไม่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีชื่อเสียงอยู่ตลอดเวลา ต่อให้คนจะพูดว่า เป็นเบอร์ 1 ของช่องแล้ว ผมก็ยังคงเป็นผม ผมยังกินอะไรก็ได้ อยู่อย่างไรก็ได้ เข้าหาผู้คนแบบเดิม ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพราะผมมีที่ยึดความรู้สึกตัวเองคือ คุณแม่และครอบครัว สุดท้ายแล้วต่อให้ผมมีชื่อเสียงมากแค่ไหน กลับมาบ้าน ผมก็ยังเป็นคนเดิม กลับมาทานข้าว และหอมแก้มคุณแม่ตลอดเวลา ถ้าพรุ่งนี้ชื่อเสียงมันหายไป ผมก็ยังมีคุณแม่และครอบครัวที่อยู่ข้างผมเสมอ ทุกวันนี้การที่มีคนมาชื่นชม ชื่นชอบผม มันคือกำไรชีวิตของผมแล้วครับ

5

POSH: ถ้าให้เข้มมองตัวเอง คิดว่าชีวิตในทุกวันนี้ เข้มบริหารและจัดการชีวิตตัวเองได้ลงตัวแล้วหรือยัง 

KEM: ความลงตัวคืออะไร ผมยังไม่รู้เลย (หัวเราะ) แต่ผมแค่รู้สึกว่า ผมมีความสุขกับชีวิตในทุกๆ วัน กับการที่ได้ออกมาทำงาน ออกมาเจอผู้คน แล้วกลับบ้านไป เจอครอบครัวที่เรารักรออยู่ มีคุณแม่ทำกับข้าวไว้รอ คุณแม่ตื่นเช้าขึ้นมาทำไข่ลวกให้ก่อนไปทำงาน หรือบางวันผมออกไปทำงานหรือเที่ยวกับคุณแม่ ผมว่าชีวิตมันคงบริหารจัดการได้ด้วยตัวของมันเอง จากการที่เรามีความสุขและไม่ทำให้ตัวเองเครียดจนเกินไป ซึ่งผมว่าชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่ดีมากๆ เลย

ชีวิตอาจต้องถูกทดสอบและไล่เฉดกันบ้าง มีทั้งอ่อนสลับกับเข้ม แต่สำหรับ ‘เข้ม- หัสวีร์’ ที่ผ่านมาทั้งอ่อนและเข้ม เฉดชีวิตช่วงนี้คงเป็นเฉดที่เขารักและพึงพอใจที่สุด กับการได้อยู่กับครอบครัวที่รักและการแสดงที่เขาหลงใหล POSH เป็นกำลังใจให้เข้มในทุกๆ เฉดชีวิตหลังจากนี้

2


Creative Director / Photographer : Termsit Siriphanich @termsit

Stylist : @s6ns6n
Asst. Stylist : @fuskarlaro
Clothes : @sixthofoctober91 @adistudios @palmangels @ppgroupthailand
Jewelry : @siasoulgallery @konnyle
Shoes : @krxsty.keane

Makeup : @makechatup

Hair : @ggreen.thanakrit

Editor in Chief : Austin Thein

Interview : Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz

Location : @studio_vjthailand

#KEMxPOSH