“ต้าห์อู๋–ออฟโรด” กับความรักที่เริ่มต้นราวปาฏิหาริย์ใน “CENTURY OF LOVE ปาฏิหาริย์รักร้อยปี”
“เมื่อคนที่กลับมา ไม่ใช่คนที่คาดหวัง” สารตั้งต้นจากประโยคนี้เป็นแรงดึงดูดชั้นเยี่ยมที่ทำให้ “CENTURY OF LOVE ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” ได้รับกระแสตอบรับอย่างท่วมท้น เพราะแค่ปูเรื่องมาก็น่าค้นหาแล้วระหว่างตัวละคร “ซาน” และ “วี” ที่พวกเขารับเล่น กับอีกแรงดึงดูดคือ การกลับมาร่วมงานคู่กันอีกครั้งระหว่าง “ต้าห์อู๋–พิทยา แซ่ฉั่ว @oueiija ” และ “ออฟโรด–กันตภณ จินดาทวีผล @totogaback ” ที่ออกฝีไม้ลายมือทางการแสดงออกมาแบบไม่มีแผ่ว
เราเลยขอเจาะใจพวกเขาผ่านคำถามที่เราเตรียมมาทั้งการเข้าถึงบทบาทรวมถึงสิ่งที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริงของทั้งคู่ผ่านรายละเอียดที่รายล้อมในซีรีส์ซึ่งทั้งสองบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เคยนึกถึงมุมนี้มาก่อนจนพี่มาถามนี่แหละ” ได้การล่ะงานนี้ สงสัยเราจะได้คำตอบลึกๆ จากพวกเขาอย่างแน่นอน
POSH: คงมีคนถามเยอะแล้วว่า ชอบหรือไม่ชอบอะไรในตัวละครที่ตัวเองแสดง ถ้างั้นเราขอถามกลับกัน ชอบหรือไม่ชอบในตัวละครของอีกฝั่งในฐานะพาร์ทเนอร์ที่ต้องแสดงด้วยกัน
DAOU: ผมว่า “วี” เป็นคนรับมือกับปัญหาได้ดีนะ อย่างปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่มันไม่ได้เกินตัวเขา เช่น ตอนซื้อของมาเยี่ยมซาน ผมมองว่า นั่นเป็นการแก้ปัญหาด้วยความหวังดีและปรารถนาดีต่อคนคนหนึ่ง แม้วีจะไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมาย แต่ในเมื่อความรู้สึกเป็นห่วงมันนำไปแล้ว วีเลยใช้วิธีแก้ปัญหาแบบนี้ ซึ่งผมมองว่าน่ารัก กับอีกอย่างคือ วีเป็นคนที่มีทัศนคติเชิงบวก ไม่ได้คิดให้มันยากหรือซับซ้อนอะไร ทำให้คนที่อยู่ใกล้วีได้รับพลังบวกนั้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นคุณย่าหรือคนรอบข้างอย่างเพื่อนวีก็ตาม
OFFROAD: ผมชอบที่เขามีความเอาใจใส่และดูแลทุกคนเป็นอย่างดี เอาง่ายๆ เป็นที่พึ่งให้กับคนอื่นได้ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่เป็นเสาหลักได้จริงๆ เพราะอย่าลืมว่า เขาอยู่มาตั้งร้อยปีนะ เขาต้องเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้คนอื่นได้ แต่ด้วยความที่เขาอยู่มานาน ผมมองว่า เขามีชุดความคิดที่ยึดติดกับอะไรบางอย่างที่เขาคิดไว้แล้ว บางครั้งอาจคิดแทนคนอื่นจนเกินไป รวมถึงอาจตัดสินคนอื่นเร็วเกินไปจากชุดความคิดที่ตัวเองมี ซึ่งผมเข้าใจได้นะว่า คนที่อยู่ในขนบธรรมเนียมมักจะมีค่านิยมที่ฝังลึก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ค่อยๆ ปรับตัวเองได้
POSH: มุมมองหรือนิยามความรักของ “ซาน” และ “วี” ที่ทั้งคู่สัมผัสได้คืออะไร
DAOU: ผมมองว่าอาจเป็น “รักที่ใช่” มากกว่า มันอาจไม่ใช่รักเดียวกับที่เคยรักเมื่อ 100 ปีก่อนด้วยซ้ำ เพราะรักที่เคยรักมาก่อนหน้านี้ อาจยังไม่เคยได้ทันรักด้วยซ้ำ มันเป็นความรู้สึกดีที่จบด้วยโศกนาฏกรรม ความรักมันเลยยังไม่ได้ฟูมฟักหรือเบ่งบานเท่าที่ควร แต่ครั้งนี้ผมมองว่า มันจะเป็น “รักของเขาจริงๆ แล้ว” มากกว่า “รักที่เขาคิดว่ามันควรจะเป็น”
OFFROAD: ผมขอเสริมต่อจากพี่ต้าห์อู๋เพิ่มเติม ก่อนหน้ามันอาจเป็นแค่ “การเริ่มรัก” ที่ตัดจบบทเร็วไปหน่อย มันยังไม่ได้รักกันแบบจริงจัง แต่พอมาถึง “วี” มันเป็นรักแบบค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ได้เข้าไปใกล้ชิด ค่อยๆ คลิกเข้าไปเรื่อยๆ จนไม่รู้ตัว จากปลื้มกลายเป็นเติมเต็มซึ่งกันและกัน เห็นได้จากฉากดื่มและเปิดใจคุยกัน ผมว่าฉากนี้ทำให้เราเห็นถึงความสัมพันธ์ที่มันทั้งน่าสงสาร น่าเห็นใจ จนเกิดเป็นความรู้สึกเข้าอกเข้าใจ และเกิดการรับฟังทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง
POSH: จากคำโปรยบนโปสเตอร์ที่บอกว่า “เมื่อคนที่กลับมา ไม่ใช่คนที่คาดหวัง” คีย์เวิร์ดอยู่ที่ “ความคาดหวัง” แล้วคุณทั้งสองคนรับมือกับความคาดหวังหรือความผิดหวังได้ดีแค่ไหนในตอนนี้
DAOU: ผมว่าผมทำได้ดีนะ เพราะว่าเราเคยคาดหวังและชอบคาดหวังด้วยซ้ำจริงๆ แล้ว แต่สุดท้ายมันกลายเป็นว่า โลกนี้ไม่ได้มีอะไรแน่นอน บางอย่างอาจไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังขนาดนั้น มันเลยเกิดการจัดการความรู้สึกในตัวเองค่อนข้างเยอะ เพราะเราเผชิญกับเรื่องผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายแล้วปัจจัยที่เราควบคุมได้คือ “ตัวเอง” โลกภายนอกมันเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ดังนั้น ไม่ใช่ว่าไม่มีความหวัง แต่เราไม่คาดหวังกับสิ่งรอบข้างที่เปลี่ยนแปลงและเอาแน่เอานอนไม่ได้
OFFROAD: ผมว่าผมเข้าใจมันมากขึ้น เพราะเราผ่านการแข่งขันที่สูงมาโดยตลอด มีการเดินพันหลายอย่างที่เราต้องรับมือ แต่สุดท้ายแล้ว พื้นฐานของมนุษย์ทุกคนไม่มีใครปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งนั้นนาน “ทุกคนมีความรักตัวเอง” ดังนั้นผมเลยมองว่า ความคาดหวังกับความผิดหวัง มันเป็นคนละเส้นกัน แต่เป็นเส้นที่ต้องหาบาลานซ์มันให้เจอ ไม่งั้นมันจะพันกันยุ่งเหยิงมาก ส่วนตัวผมเลือกที่จะปรับความคาดหวังของตัวเองให้เพิ่มหรือลดระดับได้ วันไหนเครียดอาจปรับลดลงมาหน่อย วันไหนชิลอาจเพิ่มขึ้นมาอีกนิด ส่วนความผิดหวัง ผมเคยเฟลกับผลลัพธ์บางอย่าง จนกดดันตัวเองมากไป สิ่งที่ได้ตกผลึกจากความผิดหวังนั้นคือ ลองปล่อยตัวเองให้ชิลขึ้น แล้วค่อยๆ เรียนรู้ไป ผมว่ามันดีกว่ากันเยอะเลย ซึ่งตอนนี้ผมมองว่า ผมจัดการเรื่องนี้ได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
POSH: ชื่อซีรีส์ของคุณคือ “CENTURY OF LOVE ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” แล้วตัวคุณทั้งคู่เชื่อในเรื่อง “ปาฏิหาริย์” หรือไม่
DAOU: ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ มันอาจจะมีอยู่จริงก็ได้นะ แต่สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรา เพราะปาฏิหาริย์มันจะเกิดขึ้นตอนที่โอกาสมันมีน้อยถึงน้อยมาก แล้วผลนั้นถึงจะเกิดขึ้น แต่สำหรับผมแล้ว ผมใช้ชีวิตด้วยการไม่พึ่งปาฏิหาริย์ อย่างที่บอกไม่หวังกับสิ่งรอบข้างที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ โอกาสก็เช่นกัน ฉะนั้น สิ่งที่ผมจะทำได้คือ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุด ไม่เคยมองว่า โอกาสนี้มันเล็กหรือใหญ่แค่ไหน แต่ขึ้นชื่อว่าโอกาสแล้ว เราต้องใส่ให้สุดและตั้งใจกับมัน ผลลัพธ์ที่ออกมา มันอาจจะเรียกว่าเป็น “ปาฏิหาริย์” ก็ได้ แต่สำหรับผม ผมอาจเรียกมันว่า “ความทุ่มเท” และ “ความมุ่งมั่น” ทำมันให้เกิดขึ้น
OFFROAD: สำหรับผมเอง ผมเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้ เราต้องทำมันออกมาก่อน มันเกิดจากแรงขับดันที่อยู่ในตัวเอง ฉะนั้น สิ่งที่ผมเชื่อ ผมเชื่อในแรงการกระทำและผลตอบรับที่ได้ออกมา แต่ปาฏิหาริย์จะเป็นเพียงแค่ดวง ส่วนเสริม หรือความขั้นกว่าเท่านั้น เหมือนเป็นโชคในการคูณแต้มชีวิตเข้าไป แต่สุดท้ายแล้ว เราต้องทำออกมาก่อน เพราะถ้าไม่ทำ ปาฏิหาริย์ที่ไหนจะเกิด อย่างเช่นว่า ถ้าไม่เอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางโอกาส โอกาสนั้นจะมาหาเราหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องปาฏิหาริย์เลย หรือแม้แต่อยู่เฉยๆ ปาฏิหาริย์มันคงไม่วิ่งมาหาเรา เราต้องออกไปหามันเอง
POSH: ทั้งคู่คิดว่า ผลลัพธ์จาก “CENTURY OF LOVE ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” จะเปลี่ยนชีวิตคุณอย่างไร และเปลี่ยนในแง่ไหนบ้าง
DAOU: ผมมองได้หลายแง่เลย ถ้าในมุมของคนอื่น อาจมองว่า เราจะมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ในมุมของผม ผมว่ามันคงเปลี่ยนในด้านของการแสดงและเส้นทางอาชีพ เพราะจากที่เราไม่เคยเห็นตัวเองในฐานะนักแสดงเลย ไม่เคยคิดว่า เราจะทำมันได้ จากเรื่องที่แล้วที่เราใช้ภายนอกเล่น มาเรื่องนี้เราเข้าใจและใช้อินเนอร์ข้างในเล่น กลายเป็นว่าเรื่องนี้มันเปลี่ยนความคิดเรื่องการแสดงไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนความรู้สึกในด้านการแสดง เราอาจห่วงข้างนอกมากกว่าข้างใน หน้าผมจะเป็นแบบไหน มุมกล้องไหนที่จะรับเราได้ดี คือเอาแค่ข้างนอกรอด แต่เรื่องนี้มันกลายเป็นว่า เราไม่สนข้างนอกเลย โฟกัสแต่กับข้างใน จนทำให้พบกับทางการแสดงในที่สุด ผมเลยคิดว่า เรื่องนี้เปลี่ยนอินเนอร์ทางการแสดงของผมมากที่สุดเลย
OFFROAD: สิ่งที่น่าจะเปลี่ยนผมหลังจากนี้คือ ทักษะการแสดงที่ลงรายละเอียดมากขึ้น เตรียมพร้อมรับมือกับอารมณ์และความรู้สึกตัวละครที่ซับซ้อนมากขึ้นในโปรเจกต์ถัดๆ ไป มีภาพที่เราได้เห็นตัวเองในอนาคตกับการจับบทที่หลากหลายมากขึ้น และได้เห็นถึงโอกาสใหม่ๆ และความเป็นไปได้ในเส้นทางการแสดงต่อจากนี้มากขึ้น เช่น เจอคนที่เก่งและได้รับการยอมรับในฝีมือการแสดง หรือได้สัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ ที่เราอาจไม่เคยได้เจอมาก่อน ผมเลยมองว่า จากเรื่องนี้ มันคงเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติเกี่ยวกับการแสดงของผมไปหลายอย่างเลย
เราคัดความเข้มข้นในการพูดคุยกับทั้งคู่ไว้เพียงเท่านี้ หากใครอยากรู้ Side Stories ในการพูดคุยเพิ่มเติม ติดตามได้ในช่องทาง X ของ @poshmagazineth เร็วๆ นี้ และรับชมความเข้มข้นของซีรีส์ที่ “ต้าห์อู๋–ออฟโรด” ตั้งใจและทุ่มเทกับมันมากๆ ใน “CENTURY OF LOVE ปาฏิหาริย์รักร้อยปี” ได้ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20:30 น. ทางช่องวัน 31 ดูออนไลน์ได้ทางแอป oneD และดูย้อนหลังเวลา 22.00 น. ทาง Netflix ที่เดียว
Photographer : Attapol Wongsathit @ao_attapol
Stylist : @ballionista
Makeup : @est_pathinya
Hair : @taenqr
Editor in Chief : Austin Thein
Photo Assistant : @p_p__pumpkin
Interview : Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz #DAOUOFFROADxPOSH