บางกอกคณิกา กับความเป็นที่สุดในใจ “เทียนหยด” และเหล่า “บางกอกคณิGUYS”
แม้ซีรีส์ “บางกอกคณิกา” จะลาจอไปแล้ว แต่ทางเราก็ยังรู้สึกว่า นักแสดงที่ได้รับบทบาทให้โลดแล่นภายในเรื่อง ยังคงมีความในใจอะไรอยากจะบอกอีกมากมายถึงสิ่งที่ตัวเองเล่น ดังนั้น ซีรีส์จบ แต่อารมณ์ยังไม่จบ POSH MAGAZINE เลยขอเปิดพื้นที่ให้ “เทียนหยด” ( ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา @charlettewasiiita ) และเหล่าบางกอกคณิGUYS ( ก้อง-วิทยา เทพทิพย์ @kongwittaya.tt / เพิร์ล-ศัจกร ฉลาด @pearlpooo / ทะเล-นธัท แสงชูโต @talay_natat_saengxuto ) มาบอกเล่าถึงความรู้สึกเหล่านั้น
แต่ถ้าจะให้พูดคุยเฉยๆก็ดูจะธรรมดาไปหน่อยเราเลยทำเป็นเกมให้พวกเขาได้ลับสมองกัน
ด้วยการจับฉลากคำถามที่บอกเล่าถึง “ความเป็นที่สุด” ในเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนจะได้คำถามไม่เหมือนกัน ตอนแรกหลายคนได้ยินกติกานี้เหมือนจะเกร็งๆ แต่พอจับสลากตอบไปตอบมา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “อ้าว สนุกเฉย หมดแล้วเหรอ…”
ที่สุดในใจ “ชาร์เลท วาศิตา แฮเมเนา” กับความเป็น “เทียนหยด”
รักในมุมนี้ของตัวละครที่สุด: เรารักในความมุ่งมั่นและความดิ้นรนของเขา เพราะเขารู้จุดยืนของตัวเองที่ชัดเจน ทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงตรงนั้นได้ และมีความตั้งใจในตัวสูงมาก แม้คนรอบตัวจะบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอก อย่าไปหวังเลย แต่เทียนหยดยังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่ เขาก็จะทุ่มตัวเองไปให้ถึงตรงนั้นแบบสุดแรง ซึ่งหลายครั้งถ้าเป็นตัวเรา เราน่าจะท้อไปในระหว่างทางเหมือนกัน
ตัวละครกับฉันเหมือนกันตรงนี้ที่สุด: ยอมรับว่า เทียนหยดกับเราห่างกันมาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่นึกออกคือ ตอนทำเวิร์คช็อปตัวละครตัวนี้ เขาให้เลือกหนึ่งเลขแทนเทียนหยด เราเลยเลือกเลข 13 เพราะเลข 13 มีหลายคนบอกว่า มันเป็น Unlucky Number ซึ่งเชื่อมโยงกับความคิดเทียนหยดเลยที่หลายคนบอกว่า ทำไมต้องไปใช้ดิ้นรน ไปใช้ชีวิตให้ยากเกิน แต่สิ่งที่เทียนหยดทำมันกำลังจะบอกว่า “ก็ฉันเป็นแบบนี้ มันเป็นทางของฉัน ฉันเลือกเอง” เลข 13 จึงมองได้ในอีกมุมคือ Lucky Number ไม่ใช่ Unlucky Number เพียงอย่างเดียว และเราก็มานึกย้อนถึงตัวเองว่า เราก็เกิดวันที่ 13 หรือเกี่ยวข้องกับเลข 13 อยู่บ่อยๆ เลยคิดว่า นี่น่าจะเป็นเรื่องเดียวที่เราและเทียนหยดมีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
ฉากที่ชวนให้ทุกคนดูซ้ำถึงการแสดงของคุณมากที่สุด: ควรดูฉากตอนโชว์วนหลายรอบๆ เลย เพราะมันสนุกมาก แม้ตอนเตรียมตัวมันจะยากในระดับหนึ่ง แต่ส่วนตัวเราเป็นคนชอบเต้นอยู่แล้ว แต่นี่มันผสมผสานไลน์เต้นเอาไว้เยอะมาก และมันเป็นสไตล์ที่ไม่ใช่ว่า วันหนึ่งฉันจะลุกขึ้นมาเต้นได้ มันเลยเป็นความประทับใจและอยากให้ทุกคนลองไปเก็บรายละเอียดของฉากเหล่านั้นดูดีๆ มันมีความน่าสนใจซ่อนอยู่อีกเพียบเลย
คำวิจารณ์ใน “บางกอกคณิกา” ที่จำได้ขึ้นใจที่สุด: “นี่ชาร์เลทเหรอ” “โตแล้วเหรอ” หรือ “โตจังเลย” คือฟีดแบ็คที่เข้ามาหาเราบ่อยและจำได้ขึ้นใจเลย เพราะด้วยความคาดไม่ถึงของคาแร็คเตอร์และวัยของเราด้วย เลยทำให้ผู้ชมหลายคนประหลาดใจว่า เราดูผิดหูผิดตาไปจากเมื่อก่อน เพราะภาพจำเราที่เป็นมีมในตำนาน (หัวเราะ) มันสตรองมาก แต่พอมีคนส่งคอมเมนต์มาให้ที่พูดถึงการแสดงของเราที่โตขึ้น เราก็รู้สึกดีใจที่ผู้ชมให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเห็นถึงความตั้งใจของเราที่ส่งออกไป
อยากร่วมงานกับใครที่สุดใน “บางกอกคณิกา” อีกครั้ง ถ้าทำได้: ขอ 2 คนได้ไหมคะ (ยิ้ม) คนแรกเลยคือ “พี่นก ฉัตรชัย” พอเข้าเซ็ทปุ๊บ พี่เขาเหมือนองค์ลงเลย มันจะมีอยู่ฉากหนึ่งที่จำได้ขึ้นใจ ตอนที่พี่เขาพูดคำว่า “ออกไป” คือเราอยากจะวิ่งออกไปปากซอยให้ได้เลย คือมันมีพลังมากๆ ซึ่งส่วนใหญ่พี่นกมักจะแสดงร่วมกับพี่อิงฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ของเราจะมีเฉียดๆ บ้าง แต่ไม่มาก ฉะนั้น เรื่องหน้าถ้ามีโอกาสอยากได้แสดงเต็มๆ กับพี่เขาสักครั้ง
อีกคนคือ “พี่ก้อย อรัชพร” พี่สาวของเรา ด้วยความที่เรื่องนี้ เรากับพี่ก้อยค่อนข้างจะดราม่า และทุกคนมีเส้นเรื่องของตัวเองชัดเจน ความเชื่อมโยงอาจจะมีบ้าง แต่เราก็รู้สึกว่า ยังไม่สาแก่ใจเรา เลยอยากลองเล่นแบบเต็มๆ กับพี่เขาดูสักครั้ง เพราะพี่ก้อยตั้งใจ ใส่สุด และมีสมาธิสูงมาก ถ้าได้เจอกันเต็มๆ สักเรื่อง เราว่าน่าจะมันดีเหมือนกัน
ที่สุดในใจ “ก้อง–วิทยา เทพทิพย์” กับความเป็น “เกื้อ”
สิ่งที่ยากที่สุดในการแสดง “บางกอกคณิกา”: ผมไม่ได้มีเฉพาะเจาะจงเป็นฉากนะ แต่มันคือการเก็บรายละเอียดความต่อเนื่องของตัวเองมากกว่า ว่าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งอารมณ์เป็นแบบไหน ความรู้สึกตัวละครมันพัฒนาไปจุดใดแล้ว ผมว่าตรงนี้ยาก เพราะถ้าให้ดูในเรื่อง แม้สถานที่ถ่ายทำดูเหมือนจะใกล้กัน แต่เอาจริงคือ ไม่ใกล้กันเลยนะครับ ความต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญและมองว่ายากสำหรับเรื่องนี้
ภูมิใจการแสดงในฉากนี้ของตัวเองมากที่สุด: ฉากโรงเรียนครับ เพราะมันได้พูดภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งทำไมถึงภูมิใจฉากนี้ ต้องยอมรับก่อนว่า ผมเป็นคนพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง สำเนียงก็ไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น สิ่งที่จะช่วยได้คือ อัดเสียงเจ้าของภาษา พร้อมกับพยายามหัดพูดหรือให้โทนเสียงใกล้เคียงที่สุด ซึ่งก็ใช้ระยะเวลาพอสมควรเหมือนกันกว่าจะออกมาได้ขนาดนี้ แต่ด้วยระยะเวลาเปิดกล้อง มันเลยทำให้มีเวลาเตรียมตัวได้อยู่ประมาณหนึ่งครับ
ฉากที่อยากเล่าเบื้องหลังการแสดงมากที่สุด: อาจไม่ใช่ฉากของผมโดยตรง แต่เป็นฉากที่ทุกคนมารวมตัวกันมากที่สุด นั่นคือ ฉากในหอบุปผชาติเลยครับ ซึ่งส่วนตัวผมกับฉากนี้ อาจเข้าไปเกี่ยวข้องคือ มีส่วนร่วมเพื่อแสดงความยินดีและดูโชว์ด้านใน แต่พอได้เป็นส่วนหนึ่งจริงๆ รู้สึกเลยว่า โปรดักชั่นข้างในมันใหญ่และอลังการมาก ในจอว่าว้าวแล้ว มาเจอฉากจริงจะว้าวยิ่งกว่าครับ
อยากขอบคุณใครหรือนักแสดงคนไหนใน “บางกอกคณิกา” มากที่สุด: พี่อิงฟ้าครับ เขาตั้งใจกับเรื่องนี้มากๆ และส่งอารมณ์มาที่ผมดีมากๆ เหมือนกัน เราเองก็ต้องการที่จะส่งต่อสิ่งที่เขาส่งมาให้เต็มที่เหมือนกัน รวมถึงพลังงานที่ออกมา ไม่น่าจะเชื่อว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกของเขา ยอมรับเลยว่า มืออาชีพและเก่งมากจริงๆ
อยากจะบอกอะไรถึงแฟนคลับที่ติดตามคุณมากที่สุด: ขอบคุณมากๆ ครับ ขอบคุณจริงๆ ทั้งผม นักแสดง และทีมงานทุกคนตั้งใจทำงานมากๆ และขอบคุณทุกการสนับสนุนที่ต้อนรับผมเป็นอย่างดี สิ่งที่ผมจะตอบแทนได้คือ ความตั้งใจในการทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดครับ
ที่สุดในใจ “เพิร์ล–ศัจกร ฉลาด” กับความเป็น “นาถ”
เต็ม 10 คิดว่าคะแนนทางการแสดงในเรื่องนี้ของตัวเองที่จะให้ได้มากที่สุดคือ: ถ้าประเมินการแสดงตัวเอง ผมให้ 6.5-7 ผมยอมรับว่า การแสดงเรื่องนี้ของผมเป็นธรรมชาติกว่าเรื่องที่ผ่านมา เลยให้คะแนนความตั้งใจและพยายามของตัวเอง ส่วนอีก 3-3.5 ที่หายไป ผมมองว่า อารมณ์ในบางฉากยังไม่ค่อยต่อเนื่องสักเท่าไหร่ บางอย่างผมอาจจะพยายามแสดงเกินไป จนความเป็นธรรมชาติมันหาย ซึ่งผมมีสมุดจดสิ่งที่ผมไม่ชอบอยู่ด้วยนะ ยอมรับว่า ก็เยอะอยู่เหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่า จุดไหนบ้าง ต้องไปเปิดดู
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากกลับไปแก้การแสดงของตัวเองในฉากใดที่สุด: ฉากที่ไปส่งและรอรับโบตั๋น เพราะมันคือตอนแรกเลยครับ ผมรู้สึกว่า นาถมันดูอ่อนแอไปในฉากนั้น ผมอยากให้นาถเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งให้กับโบตั๋นได้มากกว่านี้ รวมถึงการปกป้องผู้หญิงที่เขารัก เขาควรแกร่งได้มากกว่านี้ ย้อนกลับไปข้อเมื่อครู่เลยว่า นี่ก็จะเป็นหนึ่งฉากที่ผมอยากจะทำให้ดีขึ้นกว่านี้เท่าที่นึกได้ไวๆ ตอนนี้
ใน “บางกอคณิกา” เซอร์ไพรส์กับการแสดงคนนี้มากที่สุด: พอมานั่งดูในโทรทัศน์จริงๆ ผมเซอร์ไพรส์ ”พี่นก ฉัตรชัย” นะ ตรงที่เขาไม่ได้แสดงอะไรเยอะเลย แต่มันกลับมีพลังและทรงอำนาจได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมว่าส่วนหนึ่งคืออินเนอร์ของพี่เขามันพุ่งทะลุจอออกมาเลย เพราะตอนที่ผมเข้าฉาก ผมก็รับรู้ประมาณหนึ่ง แต่มันไม่เท่ากับเรามานั่งดูหน้าจอจริงๆ คือพี่เขาสุดมาก ถึงอารมณ์ทุกอย่างเลย
ตัวละครใดใน “บางกอกคณิกา” ที่คุณอยากลองเจอในชีวิตจริงมากที่สุด: ขุนณรงค์ครับ (หัวเราะ) เพราะเขาดูแปลกมนุษย์มนาที่สุดในเรื่องแล้ว อยากจับเขาคุยกับเขาเลยว่า เขาคิดอะไรหรือมีเหตุผลกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเอาเข้าจริง ผมมานั่งนึกๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่า จะได้คำตอบไหมด้วยซ้ำ เพราะตัวละครนี้มันสุดจะซับซ้อนและเข้าใจยากจริงๆ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากลองคุยกับเขาสักครั้งหนึ่งเหมือนกัน
รู้สึกเสียดายกับเรื่องไหนในการแสดง “บางกอกคณิกา”: ไม่ต้องนึกนานเลยครับ ตอนที่ผมทำงานร่วมกับ “พี่ก้อย อรัชพร” นี่แหละ ผมเสียดายที่ช่วงแรกๆ ผมเกร็งและไม่กล้าที่จะแสดงความรักกับโบตั๋นเท่าที่ควร ด้วยความที่พี่ก้อยเขาเจนการแสดงมากๆ แต่ผมเรียกว่านับเรื่องได้เลย รวมถึงการเวิร์คช็อปที่เวลาค่อนข้างจำกัด เลยทำให้การทำงานทุกอย่างต้องแข่งกับเวลาพอสมควร ทำให้ผมคิดว่า ถ้าได้เวลาเพิ่มมากกว่านี้ ผมน่าจะแสดงกับพี่ก้อยได้ลื่นไหลกว่านี้ครับ
ที่สุดในใจ “ทะเล–นธัท แสงชูโต” กับความเป็น “เณรปราบ”
ตอนอ่านบทตัวละครตัวเองครั้งแรก รู้สึก…ที่สุด: รู้สึกห่างไกลกับตัวตนผมเหลือเกิน เพราะผมเป็นวัยรุ่นอายุ 18 ปีที่เกิดมาแล้วในยุคนี้ แต่ผมไม่รู้เลยว่า เณรปราบในยุคนั้นเขาเป็นอย่างไร หรือโลกทางธรรมที่เณรปราบอยู่เป็นโลกในรูปแบบไหน ซึ่งสิ่งนี้ผมก็ต้องทำการบ้านมากขึ้นกว่าเดิม เลยรู้สึกถึงความห่างไหล แต่ความไกลมันก็มีความใกล้อยู่ ซึ่งผมมองว่า เณรปราบมีความเป็นเด็กผู้ชายที่ผมยังเจาะเข้าไปถึงใจของเขาได้และเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาได้อยู่
ความท้าทายที่สุดในการเป็นตัวละครที่ตัวเองแสดง: ผมคิดว่าเป็นการพูดให้ชัด เพราะว่าสิ่งเดียวที่ผมติดมากๆ ตอนแสดงเลยคือ ตัวละครเณรปราบ เป็นคนที่พูดชัดถ้อยชัดคำมาก ด้วยความเป็นคนโบราณหรือคนที่อยู่ในยุคนั้น เลยต้องใช้ภาษาให้ถูกต้อง ผมเลยต้องฝึกสิ่งนี้อยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ เพื่อให้รูปปากหรือจังหวะการพูดเข้าที่เข้าทางมากที่สุด เพราะส่วนตัวผมเป็นคนติดพูดเร็ว เลยทำให้ต้องซ้อมกับตัวเองประมาณหนึ่ง
หลังแสดงตัวละครของตัวเองจบ รู้สึก…ที่สุด: รู้สึกประทับใจในความบริสุทธิ์ของเณรปราบมากๆ เพราะว่าเขายอมช่วยน้องตัวเองทั้งๆ ที่ไม่ใช้น้องแท้ๆ แต่ก็ยอมช่วยเต็มที่ เพราะความรักที่มีต่อน้อง ผมเลยทั้งประทับใจและอิ่มใจไปกับความใจบุญของเขามาก แต่ถ้าให้ถามถึงพาร์ทการทำงาน ผมรู้สึกสนุกที่สุดครับ เพราะนี่เป็นบทแรกที่ผมได้แสดง ซึ่งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผมมากๆ เลย
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการแสดงของตัวเองในเรื่องนี้มากที่สุด: ผมได้เรียนรู้ว่า การถ่ายทำจริงๆ และการทำงานเบื้องหลังจริงๆ มันเป็นอย่างไร แต่ละฉาก แต่ละเทค เขาเก็บรายละเอียดกันแค่ไหน เพราะส่วนตัวผมก็สนใจในงานภาพยนตร์อยู่แล้ว ยิ่งได้มาทำงานและเห็นจริง มันมีรายละเอียดมากกที่คิดไว้ และยิ่งได้มาทำงานกับกองนี้ ก็รู้สึกประทับใจในทุกความทุ่มเทของทุกคนจริงๆ
อยากบอกอะไรกับตัวละครที่ตัวเองแสดงมากที่สุด: คุณเป็นคนที่เข้มแข็งและมีความคิดที่ถูกต้องแล้ว คุณดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกที่ควร ขอให้ยึดสิ่งนี้ไว้และจงโชคดีกับชีวิตของตัวเองหลังจากนี้
พวกเขาตอบสุดแล้ว แล้วพวกคุณล่ะอ่านแล้วสุดไหม ถ้ายังไม่หนำใจกับความสุดนี้ ไปติดตามย้อนหลังความประทับใจกันให้สุดกับเวอร์ชั่น UNCUT ของ “บางกอกคณิกา” ที่ดูย้อนหลังฟรีได้ ที่แรก ที่เดียวทางแอปพลิเคชั่น oneD
Photographer: @faiday.y
Stylist: Rochwarut Kamolpluem @manmj
Makeup: @hollyhua @kp_makeupth
Hair : @spophair
Clothes: @Vickteerutofficial @Blanke.space.bkk
Photo Assistants: @gur_kerdsup @p_p__pumpkin
Editor in Chief: Austin Thein
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz