Cover Interview – Tre X Neng Dynamic Duo

TRE PORAPAT

ok1

Actor by Chance

ใกล้ลงจอเต็มทีแล้วสำหรับละคร ภาตุฆาต กับการประชันบทบาทเป็นครั้งแรกของ 2 หนุ่มนักแสดงเน๋งตรี  ในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือด โดยมีความรักและอุดมการณ์เป็นเดิมพัน 

วันนี้ POSH มีโอกาสพูดคุยกับหนึ่งในพระเอกมาดกวน ยียวนสุดๆตรีภรภัทร ศรีขจรเดชาหนุ่มหน้าหล่อจากละครสายรักสายสวาท, สงครามนักปั้น และเธอคือพรหมลิขิต มาถึงละครเรื่องที่ 4 ที่ว่ากันว่า เข้มข้นมากขึ้นสำหรับการเดินทางสายอาชีพนี้ของเขา

เล่าเรื่องตัวเองสักนิดค่ะ

“ผมเป็นลูกคนที่ 3 เลยชื่อว่า ตรี ตอนนี้อายุ 22 ปีครับ จบการศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ แล้วก็มาเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต”

ทำไมถึงเรียนนิเทศฯ มีความฝันหรือเป้าหมายอะไรหรือเปล่าคะ

“เรียนคณะนี้เพราะรู้สึกง่ายดี เรายังไม่ตั้งเป้าว่า อยากเป็นอะไร อยากทำงานอะไร แต่รู้สึกว่ามาทางนี้น่าจะเป็นทางที่ค้นหาตัวเองได้ง่ายสุด”

ละครเรื่องที่ 4 ใกล้ออนแอร์แล้ว ตอนนี้พอจะทราบหรือยังว่า เราอยากเป็นอะไร

“ที่ผ่านมายังไม่คิดอะไรเลย เรียน เล่นกีฬา ใช้ชีวิตปกติตามประสาเด็กทั่วไป ไม่ดีไม่แย่ ไม่ได้คิดอะไร จู่ๆ ก็มีพี่ที่ช่องวันโทรไปบอกว่าเห็นรูปจากร้านตัดผม และเรียกไปที่แกรมมี่ เข้าไปเซ็นสัญญา”

เหมือนเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างเร็ว คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง

“ด้วยความที่คุณแม่ชอบดูละครเอ็กแซ็กท์อยู่แล้ว เรียกว่าเรากลับมาจากโรงเรียนก็จะเห็นละครของค่ายนี้แทบทุกวัน พี่แท่ง ศักดิ์สิทธิ์ พี่แหม่ม คัทลียา พี่อ้อม พิยะดา หรือละครซิทคอม เหมือนเราโตมากับพวกเขาละ พอโอกาสเข้ามา คุณแม่ก็เชียร์ (หัวเราะ) ก็ลองดูสักตั้งหนึ่ง จึงได้ไปเรียนการแสดง เรียนร้องเพลงทำ พอวันหนึ่งมีละครเข้ามาให้เราไปแคสต์ ก็ตกใจนิดนึง เพราะว่าผมเล่นละครไม่เป็น คืออะไรก็ไม่รู้ ที่เรียนมาแทบจะลืมเพราะพอลงสนามจริงไปวันแรก มือสั่นปากสั่นไปหมด”

อยากให้พูดถึงบทบาทของตัวเองในเรื่องภาตุฆาต

“เป็นพระเอกชื่อ รวิชญ์ครับ”

เล่าถึงเรื่องนี้ให้ฟังสักนิดค่ะ

“ในเรื่องรับบทเป็นรวิศครับ เป็นทหารอากาศ ในเรื่องจะเป็นลูกชายฝาแฝดของ พี่แหม่ม-คัทลียา แต่โชคชะตามีดวงพิฆาตจะฆ่ากัน ทำให้เราต้องแยกจากกัน โดยผมเป็นพี่ชายจะอยู่กับพี่แหม่ม  พอโตมาสายใยความสัมพันธ์ทำให้ทั้ง 2 คนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในสถานะเพื่อนรักร่วมสาบาน  ซึ่งจะมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องความรัก อุดมการณ์ที่ต่างกัน  ทำให้  2  คน  ต้องมาฆ่ากันเอง  สำหรับบทบาทของรวิศ  เป็นคนที่มีความฝันอยากเป็นทหารอากาศ  มีความมุ่งมั่นเสียสละ รักชาติ รักเพื่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ต้องมารับบทพระเอกเต็มตัว ต้องเตรียมตัวค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องการแสดงและเรียนรู้การฝึกอย่างทหารจริงๆ เพื่อให้เข้าถึงตัวละครครับ” 

ok2

ถ้าอย่างนั้นให้คนดูไปดูละครเองแล้วกัน อยากทราบว่าสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเล่นเรื่องนี้

“เรื่องการแสดงมันก็เป็นไปตามบท ก็ต้องทำหน้าที่ไป แต่ที่ยากคือ คนดูไม่รู้ว่า มันมีความลำบากเรื่องสถานที่ถ่ายทำ บางที่ร้อนมาก แล้วเราต้องใส่เครื่องแบบ เหงื่อนี่ไหลเต็มหลังก็ต้องอดทน นี่คือที่ยากที่สุด”

ก็คือต้องอดทนกับสภาพอากาศ

“ใช่ครับ”

มาถึงเรื่องที่รับบทพระเอกเต็มตัว แล้วคาดหวังหรือตั้งเป้าในวงการนี้อย่างไร

“ไม่เคยคาดหวังกับอะไรเลยครับ แค่ทำมันไปเรื่อยๆ มีโอกาสเข้ามาก็ทำให้ดีที่สุด เคยหวังแล้วผิดหวังเลยไม่ค่อยอยากไม่คิดกับมันมาก”

ถามถึงเรื่องหัวใจบ้าง มีคนคุยด้วยไหม

“มีครับ คบกันมานานแล้วครับ”

ชอบอะไรในตัวเธอคนนี้

“เป็นคนคุยรู้เรื่องครับ”


NENG SARUN

ok3

New Challenge…New Chapter

หนุ่มหน้าใส, จุฬา Cute Boy, หนุ่มไอดอลหลากหลายฉายาของเน๋งศรัณย์ นราประเสริฐกุลทำให้เรารู้จักเขาดีพอสมควร และตอนนี้ใครๆ ก็เรียกเขาว่า หมอเน๋ง สัตวแพทย์อนาคตไกล แต่วันนี้เขามาอีกบทบาทใหม่ คือการก้าวเป็นพระเอกครั้งแรก นั่นคือความท้าทายใหม่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มมาดนิ่ง พูดน้อยอีกต่อไปแล้ว 

วันนี้เขามีแต่สายตามุ่งมั่นพร้อมเปิดกับ POSH ซึ่งเป็นครั้งที่สองแล้วที่เราได้มาจับเข่าคุยกับเขาอีกครั้ง

เจอกับคุณอีกครั้ง จากหนุ่มน้อยหน้าใส วันนี้เป็นพระเอกแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

“ตอนนี้ก็ยังใสๆ นะครับ (หัวเราะ) คือที่ผ่านมาผมจะรับงานถ่ายแบบ โฆษณา อีเว้นท์ เล่นหนังบ้าง พอเข้ามาในสายงายละคร ผมว่าไม่ได้ไกลกัน อย่างหลายคนก็เริ่มจากตรงนี้ ซึ่งสำหรับผมเอง ทางช่องวันเรียกมาแคสติ้งในช่วงโปรเจ็กต์นิวเจนพอดี วันนั้นเราก็ไม่รู้เล่นอะไร จำไม่ได้ เล่นไปตามที่เราเข้าใจ แล้วก็ดันผ่านขึ้นมา จากนั้นก็มีละครซึ่งผู้ใหญ่เห็นว่า บทนี้เหมาะกับเรานะ ก็ต้องไปแคสต์อีกครั้งเลยได้เล่นเรื่องนางสาวไม่จำกัดนามสกุล

พอก้าวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ เล่นละครกับนักแสดงที่มีประสบการณ์มากฝีมือหลายคน รู้สึกอย่างไรบ้าง

“เป็นละครเรื่องแรก จึงเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับผมมาก ไม่เคยรู้ว่ากองถ่ายละครทำงานยังไง พอเข้าไปทำงานปุ๊บ มันตื่นเต้นมาก เกร็งไปหมดเลยครับ มันเป็นความใหม่แล้วเราเล่นไม่เก่ง พอเจอพี่นักแสดงแต่ละคน เบอร์ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ผมเกร็งมาก (หัวเราะ) คือผมเป็นคนนิ่งๆ อยู่แล้ว คือตอนนั้นก็กดดันนะครับ เขาทีมงานจะมาลำบากกับเรา แต่ผมเลยพยายามทำความคุ้นเคยกับกองให้เร็วที่สุดแล้วทุกคนก็ช่วยผมด้วย ทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดีครับ

เรื่องแรกค่อนข้างใกล้ตัว สำหรับเรื่องภาตุฆาตมารับบทพระเอก แล้วทราบว่าเรื่องนี้เข้มข้นมากด้วย

“ใช่ครับ ผมจึงต้องทำงานหนักขึ้น อย่างเรื่องแรก ขนาดเราไม่ใช่ตัวละครหลัก เป็นสีสันของเรื่อง เรายังเครียด (ยิ้ม) พอเปรียบเทียบกับภาตุฆาต มันเหมือนโอกาสวิเศษที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบหนักหน่วงมากๆ  เพราะรับบทเป็นตัวหลักและกุมเส้นเรื่องทั้งหมด ทำให้กดดันเพิ่มขึ้นเยอะมาก

“สำหรับแอคติ้งต้องทำความเข้าใจกับตัวละครมากพอสมควร เป็นทหาร มีพ่อเป็นนายพล เป็นหม่อมราชวงศ์ เลยต้องทำความเข้าใจว่าทหารเขาบุคลิกยังไง และการวางตัวสำหรับการเป็นราชนิกูลทำยังไงให้เหมาะสม ให้เกียรติกับตัวละคร ต้องไปศึกษาเพิ่มเยอะเลยครับ”

สิ่งที่ตื่นเต้นมากที่สุดในละครเรื่องนี้คืออะไร

“ได้เล่นละครกับพี่แหม่มครับ (ยิ้ม)  ผมได้เล่นเป็นลูกพี่แหม่มด้วยนะครับ แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกที่ใกล้ชิด แต่เราตื่นเต้นมาก เขาคือนางเอกในฝันของใครหลายคนเลยนะ ผมว่า คือพอชอบมากก็ยิ่งเกร็ง กังวล ต้องทำการบ้านเยอะมาก แต่ว่าพอไปเข้าฉากด้วยกันจริงๆ  พี่แหม่มดีมาก ช่วยเราทุกอย่าง ส่งอารมณ์ให้เราดีมาก เป็นครูอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่พี่แหม่มเท่านั้นนะครับ ทุกคนที่เล่นด้วยกันอย่าง พี่ต๊งเหน่ง พี่กบ ทุกคนผมช่วยและเข้าใจว่าเราเป็นเด็กใหม่

แล้วความยากล่ะ

ยากอยู่ครับ แต่จะพูดว่ายากที่สุดก็เพิ่งเล่นมาแค่เรื่องเดียวเอง (หัวเราะ) แต่เรื่องนี้มีความพิเศษคือผมได้ทำทุกอย่าง มีบทบู๊ด้วย บททหาร เป็นละครพีเรียด ไกลตัวเราหมดเลย ยิ่งเรื่องคำพูดเราต้องพูดให้ชัด ภาษาไทยต้องเป๊ะ”

อุปสรรคในการทำงานเรื่องนี้มีอะไรบ้างคะ 

“ด้วยความที่เป็นคนที่ทำงานหลายอย่างพร้อมกันไม่ค่อยดี คือพอเรากังวลแอคติ้ง ผมก็จะสลัดทิ้งทุกอย่างไว้แอคติ้ง ทำอย่างอื่นไม่ได้เลย เชื่อไหมว่าให้ผมเดินไปด้วยพูดไปด้วยยังยากเลย ทีนี้ก็ค่อยๆ ปรับ 

“แล้วยกตัวอย่าง ฉากที่ผมต้องห่มผ้าห่มให้คน รินน้ำ ทำนี่ แล้วพูดไปด้วย ผมทำไม่ได้เลยนะ  พี่ปุ๊ย ผู้กำกับ (ผอูน จันทรศิริ) ต้องค่อยๆ บอกว่าทำทีละอย่าง รินน้ำก่อน แล้วก็พูดตรงนี้ แล้วก็เดินมาตรงนี้ แต่เป็นช่วงแรกๆ ครับที่เพิ่งเปิดกล้อง มันยากน่ะตอนนั้น แล้วต้องขอบคุณพี่ปุ๊ยด้วยที่อดทนกับผม”

แม้ว่าเล่นละคร 2  เรื่องเท่านั้น ตอนนี้คุณเริ่มรักการแสดงหรือยังคะ

“รักเลยครับ สารภาพว่าแรกๆ ไม่ชอบ เพราะผมเป็นคนไม่ชอบแสดงอารมณ์ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรารู้สึกอะไร ไม่ชอบให้ใครรู้ เหมือนเด็กสายวิทย์น่ะครับ เด็กเรียนหมอ คิดว่าการที่ให้ใครมารู้ว่าตอนนี้เราเศร้านั้น เราไม่อยากให้คนอื่นมาทุกข์ด้วย แต่พอมาเล่นละคร มันเปลี่ยนความคิดไปเลย

“เฮ้ย มันมีอย่างอื่นที่ทำให้เราสนุกมากกว่านั้น ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้ทำในสิ่งที่ชีวิตนี้เราไม่น่าจะมีโอกาสได้ทำแน่ๆ ตอนนี้เข้าใจเด็กศิลป์มากๆ เลยครับ (หัวเราะ) คือพวกเขาจะครีเอท คิดนอกกรอบ กล้าร้อง กล้าเต้น แสดงอารมณ์ ส่วนในพาร์ทของละคร ในชีวิตนี้เราคงไม่ได้เป็นทหาร ไม่ได้เป็นนักบินขับเครื่องบินแน่ๆ 

“การได้เข้าไปนั่งในเครื่องบินรบรุ่นเก่า ก็ดูว่าเขาขับยังไง มีทหารมาสอนว่ามันขับจริงๆ มันขับอย่างนี้นะ เวลาแสดงได้ใส่ชุดเต็มๆ รู้สึกภูมิใจอย่างหนึ่ง อย่างน้อยการขับเครื่องบินนี่ เด็กผู้ชายทุกคนฝันอยู่แล้ว แม้ไม่ได้ขับจริง แต่ได้เรียนรู้การทำงาน ของอาชีพนี้ด้วยครับ”

ok4

มาถึงอาชีพของคุณบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ

“ตอนแรกอยากเรียนวิศวะ แต่ด้วยความที่คุณพ่อเป็นสัตวแพทย์ บ้านมีคลินิก และชอบดูสารคดีตั้งแต่เด็ก พวกสัตว์น้ำ สัตว์โลก เสือ จระเข้ ชอบดูมาก มีแผ่นซีดีเต็มบ้าน คุณแม่ซื้อให้ เชื่อไหมตอนเด็กๆ เราก็รู้สึกว่า โอ๊ย!… ไม่ทำหรอก แต่สุดท้ายเราก็ผูกพันกับมัน พอตอนยื่นคะแนนจริงๆ เรามานั่งคิดทบทวนตัวเองอีกครั้ง 

“ที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกอย่างคือ ช่วงนั้นน้ำท่วมด้วย มีโอกาสได้นั่งอยู่กับตัวเองเยอะ เห็นน้องๆ สัตว์เลี้ยง สัตว์จรจัด ติดอยู่กับเหตุการณ์นั้น มีอาสาไปช่วยเหลือมากมาย แต่ที่ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ละ คิดไปคิดมาก็เลือกเรียนสัตวแพทย์ดีกว่า

“ตอนนี้ผมมีคลินิกที่หุ้นกับเพื่อนๆ แล้วก็ทำงานที่โรงพยาบาลด้วยครับ จะเข้าเวรทุกวันพฤหัสบดีที่โรงพยาบาลสัตว์แถวสาทร ส่วนคลินิกที่ทำอยู่จะไม่เน้นรักษา แต่เป็นเหมือน Wellness Center มากกว่า เป็นศูนย์ยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยง อย่างใครมีสัตว์เลี้ยงก็พามาตรวจสุขภาพเบื้องต้น วางแผนป้องกันว่าน้องตัวนี้มีความเสี่ยงอะไร เคยเป็นโรคอะไรแล้วมาก่อน เราไม่เน้นรักษาโรค ส่วนใหญ่เราจะเน้นเป็นป้องกัน ซึ่งเราจะมีคุณหมอคอยดูแลด้วย แล้วก็มีโซนสปา โซนนวดให้พวกเขาผ่อนคลายเหมือนกับคนครับ”

อาชีพหมอก็ต้องให้เวลา เล่นละครก็ต้องทุ่มเท คุณบริหารจัดการเวลาเหล่านี้อย่างไร

“จริงๆ แล้วไม่ยากหรอกครับ แต่ต้องชัดเจนว่าเราต้องมีระเบียบ ถ่ายละครเราถ่าย 3 วัน ผมจะแบ่งเวลา 2 วันไปเข้าคลินิก  อีก 2 วันเราเหลือไว้ทำอะไรที่เรายังขาดเหลือไป เช่น ช่วงนี้มีโปรโมตละครเยอะ เราก็ให้ 2 วันนั้น หรือ ไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น เรามีประชุมของที่คลินิก โรงพยาบาล หรือว่าไปออกกำลังกายผมก็พยายามจัดตารางให้มันเป๊ะๆ เพราะว่าเราไม่อยากทิ้ง ไม่อยากต้องเลิกทำงานที่โรงพยาบาล เพราะเป็นสิ่งที่รักและต้องรับผิดชอบ ยังไงสุดท้ายไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราก็เป็นหมอ บางวันอาจจะไปเจอหมาที่เขาเป็นอะไรขึ้นมาตามที่ต่างๆ ตามกองถ่าย ตามข้างถนน เราจะได้ช่วยเขาได้ 

เคยรักษาสัตว์แปลกๆ ไหมคะ

“ไม่ถึงกับมีเคสหนักๆ ผ่าตัดใหญ่ เคยมีคนเอางู เอากบมา เราก็ต้องรักษาอาหารเบื้องต้น แนะนำคนเลี้ยงว่าต้องดูแลยังไง เพราะเรื่องสัตว์ จะว่าไปเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างสัตว์แปลกๆ เราอาจไม่ได้เชี่ยวชาญ เพราะไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เขานิยมกัน แต่เราจะทำยังไง ดูแลพวกเขาเหล่านั้นยังไง เพราะพวกเขาก็มีชีวิตและเป็นสัตว์เลี้ยงของบ้านนั้นๆ”

คุณบอกเราตอนแรกว่า ไม่ถนัดทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน แต่ตอนนี้คุณกำลังสองหน้าที่ สองอาชีพและทำมันได้ดีด้วย มองภาพตัวเองอย่างไรในอนาคตคะ

“ตอบยาก (อืม) มันไม่ใช่แค่ตัวผม ถ้าพูดเรื่องงานในวงการบันเทิง ผมอาจอยากไปถึงจุดสูงสุดของการแสดง แต่มันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยด้วย เรื่องนี้เราเล่นดีไหม แล้วต่อไปเขามีโปรเจกต์อะไรที่เราเหมาะกับเราไหม ในทุกๆ งาน ทุกๆ จังหวะของชีวิตล้วนขึ้นอยู่กับโอกาสมากกว่าครับ ไม่ใช่ว่าเราอยากทำแล้วเราจะได้ทำ ดังนั้นโอกาสสำคัญมากครับ เพื่อให้เราพิสูจน์ตัวเองและทำให้เต็มที่ที่สุดครับ


ติดตามละครภาตุฆาต เริ่ม วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคมนี้ ออนแอร์ทุกวันจันทร์พฤหัสบดี เวลา 20:10 . ทางช่องวัน 31

Photography : Narin Lourujirakul

Clothes : COS – The EmQuartier – 1st fl. Siam Paragon

Creative Director :  Termsit Siriphanich
Editor in Chief :  Austin Thein