Cover Interview – TOR THANAPOB

อะไรทำให้เด็กหนุ่มที่โด่งดังจากบทบาทของไผ่ ฮอร์โมนเด็กผู้ชายเกเร ก้าวเข้าสู่บททดสอบความสามารถทางการแสดงสุดหินไม่ว่าจะเป็น Project S The Series (ตอน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่) หรือละครที่กลายเป็นกระแสแห่งปีอย่าง เลือดข้นคนจาง 

กระทั่งชื่อของต่อธนภพ ลีรัตนขจร Thanapob Leeratanakajornก้าวกระโดดจากดาราวัยรุ่นที่ถูกจับตามองมากที่สุดมาเป็นนักแสดงคุณภาพกับบทพระเอกเต็มตัวในละครหัวใจศิลา จนมาถึงละครที่ทุกคนรอคอยกับการประชันบทบาทกับนางเอกมากฝีมืออย่างแอฟทักษร ภักดีสุขเจริญในเรื่องขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอที่กำลังเข้มข้นอยู่ในขณะนี้

1

 

จากดาราวัยรุ่นที่ทุกคนรู้จักและเรียกคุณว่าต่อ ฮอร์โมนกระทั่งคุณเพิ่มฐานคนดูละครใหม่ๆ ขึ้น จนทุกวันนี้พวกเราเรียกคุณว่าต่อ ธนภพ 

ต่อ: ใช่ครับ เพราะผมอยากยึดคำว่า ‘นักแสดง’ เป็นอาชีพ  อืม…วันที่ตัดสินใจเอาตัวเองก้าวเข้าไปสู่ฐานคนดูใหม่ ตอนแรกผมกลัวมาก มันเหมือนกับ นักฟุตบอลที่เล่นลีกโรงเรียน แล้วอยู่ดีๆ วันนี้เรากำลังจะโยกเข้าพรีเมียร์ลีก ซึ่งผมแค่คิดภาพว่า เราอยากเปลี่ยนอาชีพไหม อยากทำสิ่งที่เรารักไหม แล้วผมรักการแสดงที่สุด ผมจึงเจอคำตอบว่า …ไม่เป็นไรหรอกต่อ เพราะว่าถ้านายไม่เปลี่ยนวันนี้ วันหนึ่งนายก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี ก็เลยรู้สึกว่าไม่ต่างกัน 

ความตั้งใจนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ต่อ: คิดไว้ตั้งแต่แรกที่ได้รับโอกาสทางการแสดงเลยครับ แต่ด้วยความความที่เราอายุยังน้อย ความเชื่อใจจากคนดูยังไม่มากพอ เราไม่สามารถทำ 1-2 งานแล้วคนดูจะเชื่อเราเลย ซึ่งทุกความสำเร็จนั้นจะค่อยๆ เป็นบันไดให้เราปีนขึ้นไป วันหนึ่งเมื่อเรายืนอยู่ถึงจุดหนึ่ง คนดูจะยอมรับเรา ผมพูดได้เลยว่า เพิ่งปลดล็อกแบบจริงจัง น่าจะตอนที่เล่น Side by Side ครับ ผมสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานที่มีความหมายซ่อนอยู่ แบบที่คนดูไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่ผมรู้คนเดียว…  มันสนุกดี ใครๆ ว่าผมค่อนข้างซีเรียสกับบทที่ได้รับ เพราะทุกบทนั้นผมค่อนข้างรักมาก เวลารับบทมาผมจะสู้สุดใจขาดดิ้น ตัวละครต้องออกมาดี

อย่างล่าสุดกับละครขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอการทำการบ้านในการกลับชาติมาเกิดใหม่ในบทของทิชงค์เป็นอย่างไรบ้าง

ต่อ: ผมว่าต้องเขย่าคนดูนิดนึง การที่ผู้ชายคนหนึ่งเสียชีวิตแล้วเกิดใหม่เป็นผู้ชายอีกคนหนึ่ง เพื่อใช้เวลาที่เหลือกับผู้หญิงที่เขารัก มองดีๆ ผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่คนคนเดียวกัน ผมศึกษาจากรายการสิ่งลี้ลับเยอะมาก แล้วแชร์กับผู้กำกับว่า ผมลองหาการกลับชาติมาเกิด มันไม่จำเป็นต้องมีบุคลิกเหมือนกัน ผมเคารพในตัวละครของภาคย์ แต่ผมก็เคารพในตัวของทิชงค์ด้วย นั่นคือการเอามาแค่ความจำ ถ้าเกิดใหม่เขามีสิทธิที่จะมีชีวิตของตัวเอง คนสองคนไม่ได้เหมือนกัน เขาจำได้เฉยๆ ก็เลยเมคเซ้นส์ให้ผมมีช่องทางการแสดงที่สนุกอีกแบบหนึ่ง 

หลายคนจับตามองฝีมือทางการแสดงของคุณกับนางเอกมากฝีมืออย่างคุณแอฟ ทักษอร

ต่อ: ต้องบอกว่าดีกว่าที่คิดครับ ตอนแรกผมก็กลัวว่าจะไปทางไหน จะเข้ากันได้ไหม คิดภาพอะไรไม่ออกเลย แต่ผมเป็นคนใช้สัญชาตญาณในการแสดงเยอะมาก ถึงตอนแอคชั่นผมไม่สนหรอกว่าข้างหน้าผมคือ แอฟ-ทักษอร ผมพยายามให้ตัวละครที่เราเล่นนั้นลื่นไหลไปเรื่อยๆ 

ผมแค่เชื่อในสิ่งที่ผมทำให้ดีที่สุดและพี่แอฟก็เก่งมาก ซึ่งซีนที่ยากเต็มไปหมด แต่ผมเชื่อว่าทุกโปรเจ็กต์ไม่มีทางที่มันจะดีแค่มาจากตัวเราเท่านั้นครับ โดยเฉพาะบทที่มีคู่ สำหรับผมแล้วพาร์ทเนอร์คือสิ่งสำคัญเทียบเท่ากับบทของเราเลย นั่นหมายถึงถ้าเราทำการบ้านมาดีแล้ว บทเราดีแล้ว เราเข้ากับพาร์ทเนอร์ได้ไม่ดี อาจจะไม่ดีทั้งคู่เลยก็ได้ ซึ่งผมก็โชคดีมาก เพราะทุกวันนี้ผมกับพี่แอฟแทบจะเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วครับ (ยิ้ม) เพราะเราสองคนพยายามละลายพฤติกรรมและเข้าหาเพื่อเรียนรู้กัน

2

นั่นหมายความว่าคุณให้ความสำคัญต่อพาร์ทเนอร์ทางการแสดงมาก ไม่ใช่แค่การทำการบ้านจากบทของตัวเองเท่านั้น

ต่อ: เป็นความตั้งใจส่วนตัวครับ เมื่อ 6 ปีก่อน ตอนผมเริ่มทำงานจนประสบความสำเร็จครั้งแรกด้วยคำว่าคู่จิ้นมาก่อน คือ ‘ไผ่ -สไปรท์’ เชื่อไหมว่าผมมีคำถามกับมันมาตลอด ว่า… จริงเหรอ? ที่นักแสดงคนหนึ่งจำเป็นจะต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ใช่เพียงคนเดียว ทำไมเราต้องยึดติดกับแค่คนคนนี้ ซึ่งผมมองถึงผลประโยชน์ของนักแสดงทั้งคู่ เอ๊ะ… ถ้าเราจะแข็งแรงน่ะ ทำไมเราถึงไม่แข็งแรงด้วยกันและกัน คุณแข็งแรงด้วยตัวคุณ ผมแข็งแรงด้วยตัวผม มันน่าจะสนุกกว่า ไม่ว่าเราจะเล่นคู่กับใคร มันก็ต้องโอเคสิ 

จนผมได้มาเล่นเลือดข้นคนจาง ผมมีโอกาสเจอพี่ๆ นักแสดงรุ่นใหญ่เลยติดใจ จนแอบสมมุติว่าถ้ามีโอกาสเล่นบทนำแล้ว จะมีโอกาสไหมที่ได้เล่นกับนักแสดงเก่งๆ แบบนี้ แล้วละครเรื่อง ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ ก็เข้ามาให้ผมพิสูจน์ ให้ผมได้ลองชาเลนจ์ใหม่ เพราะด้วยชีวิตจริงของพี่แอฟและผม มันเป็นไปได้ยาก แล้วผมเป็นคนแพ้สิ่งกระตุ้นแบบนี้ มาสิ ถ้าเจอจะพุ่งเข้าใส่ทันที ผมจะอยากทะลุมันไป ก็เลยทำให้ตัดสินใจว่านี่คือผลงานปีนี้ที่เราจะทุ่มเทกับมัน 

คุณมองความรักต่างวัยอย่างไรบ้าง

ต่อ: ผมเชื่อว่ามีจริงๆ จำได้ว่าตอนประถมผมเคยแอบปลื้มครูสอนภาษาอังกฤษตัวเอง (หัวเราะ) ประมาณเดียวกับอายุของทิชงค์กับอรรพี เลยรู้สึกว่าไม่ใช่เกิดขึ้นไม่ได้ ผมว่าความรู้สึก Love สุดท้ายแล้ว ทุกคนแค่เอาศีลธรรมมากั้น แต่ความรักมันคือความรัก มันคือความรู้สึก positive ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกคน บางครั้งเรายังรู้สึกดีกับเพื่อนเราเลย เฮ้ย… ทำไมเรารู้สึกดีกับคนคนนี้ เราบอกไม่ได้ ผมได้ตรรกะเหล่านี้จากการที่เล่นเรื่องนี้ ซึ่งมีความแฟนตาซีอยู่ประมาณหนึ่ง แล้งเงื่อนไขก็ดันขึ้นอยู่กับกฎของแฟนตาซีมันไม่ใช่กฎความเป็นจริง เพราะฉะนั้นบททิชงค์สอนให้ผมรู้จักคิดฉีกออกไปว่า ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นไปได้สิ แต่ที่เป็นไม่ได้เพราะคุณไม่เชื่อในความรักหรือเปล่า

ซึ่งละครเรื่องนี้เสนอรักอีกรูปแบบหนึ่ง แต่มันยากตรงที่ต้องทำให้คนเชื่อว่า ความรักของคนสองคนนี้เป็นไปได้ เราไม่ได้นำเสนอออกมาในแง่ว่าเชิญชวนให้เด็กวัยรุ่นทุกคนจงรักผู้ใหญ่ ตรงกันข้ามเรากำลังพูดว่า ความรักคือความสวยงาม พูดแล้วมันจะเสี่ยวนิดนึง (ยิ้ม) แต่มันคือรักที่ไม่มีเหตุผลน่ะครับ

ถ้าย้อนกลับไปในช่วงเป็นดาราวัยรุ่น ด้วยความที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วความดังเปลี่ยนคุณไปอย่างไรบ้าง

ต่อ: ผมว่าทุกคนต้องผ่านช่วงหลงระเริง สำหรับผมผ่านช่วงแรกตั้งแต่ทำงานเลย เหมือนได้ของเล่นใหม่ คนไม่เคยมีไง อยู่ดีๆ ก็มีเต็มไปหมดเลย พอมีคนชอบเราเยอะๆ เฮ้ย… เราสุดยอดว่ะ เราเก่งละ ทั้งที่จริงแล้วคนละเรื่องเลย บางครั้งคนชอบเยอะไม่ได้แปลว่าเก่งนะ หรือบางครั้งเก่ง ไม่ได้แปลว่าคนจะชอบเยอะนะ วงการนี้มันเป็นภาพมายาทำให้เราหลง ผมว่าศิลปะทั้งหมดคือภาพมายาที่มาแทนความรู้สึก แต่สุดท้ายแล้ว ภาพวาดไม่มีทางเป็นชีวิตจริง ละครไม่มีทางเป็นชีวิตจริง แม้ว่าจะเล่าจากชีวิตจริงก็ตาม ทุกวันนี้สิ่งเดียวที่ผมพยายามยึดเหนี่ยวไว้ตลอดคือ อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร เราไม่ใช่คนเจ๋งมาจากไหน เราเคยเป็นไอ้ห่วยมาก่อนนะ

มีอะไรอยากทำอีกไหม นอกจากการเป็นนักแสดง

ต่อ: อยากทำป่า (หัวเราะ) อยากมีป่าเป็นของตัวเอง ผมหมายถึงว่าถ้าวันหนึ่งมีที่ดินกว้างๆ เป็นของตัวเอง อยากให้ที่ดินของเราเป็นป่าเขียวๆ ผมรู้สึกว่าในอนาคตป่าไม้จะเป็นของหายากแล้วครับ ถึงเวลานั้นถ้าเราต้องการมัน มันคงจะดีถ้าเรามีป่าเป็นของตัวเอง ผมอยากมีป่ามีบ้านต้นไม้ ผมชอบบ้านต้นไม้ที่ทำเอาไม้ไผ่มาต่อบ้านจริงๆ 

3

ทุกวันนี้คุณดูแลแฟนคลับอย่างไรบ้างคะ

ต่อ: จริงๆ ผมไม่เรียกเขาว่าแฟนคลับด้วยครับ พวกเขาเหมือนพวกเรา เคยมีคำถามว่า แฟนคลับทำสิ่งเหล่านี้ได้อะไร พวกเขาไม่ได้อะไรเลยนะครับ เห็นพวกเขาแบกกล้อง เหนื่อย หนัก ปวกหลัง ออกจากบ้านต้องเสียตังค์ค่ารถ ค่าข้าว บางครั้งกลับดึก มีแต่เสียอย่างเดียว หลายครั้งกลัวเราหิว ซื้อขนมให้น้องต่อดีกว่า หรือวันนี้วันสำคัญของน้อง ดอกไม้ไหมล่ะ บางคนมีเงินหน่อย แบรนด์เนมไหม สำหรับผมไม่เข้าใจว่าพวกเขาเสียเงินและเวลาทำไมกัน 

        เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะขอบคุณพวกเขาได้ มันมากกว่าการพูดว่า ‘ขอบคุณครับ’ แต่ผมจะทำต่อให้เวลาของผมในวงการบันเทิงจะค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ ตามหน้าที่การงาน ผมจะพยายามเพิ่มคุณภาพขึ้นไปอีกเพื่อให้พวกเขารู้สึกว่า ต่อให้เวลาในการทำงานตรงนี้สั้นลงแต่ความจริงใจนั้นนานขึ้นนะ ผมถือเสมอว่ายิ่งเราได้ เรายิ่งต้องให้ อาจไม่เท่ากับที่ได้รับจากพวกเขา แต่อยากบอกทุกคนว่า รู้ไหมว่าดีใจแค่ไหนที่มาตามผม วันนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมหยุดทำให้พวกคุณภูมิใจไม่ได้แล้ว 

ติดตามผลงานของ ‘ต่อธนภพ ลีรัตนขจรได้ที่ละคร ‘ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ’ ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20:15 น. ทาง ช่อง One31

InStagram @thanapob_lee


Photography : Termsit Siriphanich

Interviewed by Pookie Chatcha

Editor in Chief : Austin Thein