Cover Interview – Neng Sarun

“เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล” @nengnn กับหมวก 3 ใบและใจที่อยากพักผ่อนสบายๆ บ้าง

ในโลกของการทำงาน “เน๋ง-ศรัณย์” เป็นทั้งสัตวแพทย์และผู้ชิมลางการแสดงมาได้เพียง 4 เรื่องเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนางสาว (ไม่) จำกัดนามสกุล ภาตุฆาต ขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ และล่าสุดกับบท “แทน” ใน “รักสุดท้ายยัยจอมเหวี่ยง” ที่เขามองว่า ท้าทายการแสดงตัวเองอีกครั้ง แต่เหมือนหมวกทั้ง 2 ใบ อาจไม่หนำใจเขามากพอ เขาเลยสวมหมวกใบที่ 3 อย่าง “นักธุรกิจ” กับบทบาทการบริหาร ดูแล และจัดการ HATO PET WELLNESS CENTER ให้เป็นรูปเป็นร่าง

จนตอนนี้เข้าสู่สาขาที่ 5 แล้ว และมีศูนย์สำหรับแมวเฉพาะทางด้วย เมื่อเป้าหมายไม่ได้มีเพียงแค่ 1 เส้นทาง แต่เขากลับเลือกตระกองกอดโลกทั้ง 3 ใบ และหมวกทั้ง 3 ชั้นไว้ POSH MAGAZINE THAILANDไม่รู้ว่า เขาเหนื่อยแค่ไหน แต่เขาพร้อมมาเล่าไทม์ไลน์ชีวิตช่วงนี้ให้เราฟัง ด้วยเอเนอร์จี้เต็มเปี่ยม (ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกาแฟที่อยู่ข้างๆ เขาหรือเปล่า)

2

หมวกใบที่ 1: นักแสดง

การแสดงทำให้ได้สวมบทบาทใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่สำหรับตัวเน๋งเอง ก่อนหน้าที่จะเปิดใจรับสิ่งที่เรียกว่า การแสดงเข้ามาได้เต็มหัวใจ อาจต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่นเกือบเท่าตัว

“ผมเริ่มศูนย์ ศูนย์เลยจริงๆ และจับพลัดจับผลูได้เข้าไปแคสติ้งตอนที่กำลังจะเรียนจบปีสุดท้าย ยังจำบรรยากาศได้เลยว่า ตอนแคสต์มีคนร่วมชะตากรรมกับเราด้วยประมาณ 30-40 คนด้วยกัน ตรงสตูดิโอหลังตึกแกรมมี่ มีผู้บริหารหลายคนอย่างพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) ก็มาดูการแคสต์ด้วย และก็มีการแจกบทให้ทำการแสดงตรงนั้นเลย และก็โชคดีที่เป็นผมที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับช่อง มันเลยเป็นการสั่งสมประสบการณ์และค่อยๆ เรียนรู้ระหว่างทางจากที่ไม่เป็นเลย จนก็เริ่มเข้าใจในการแสดงขึ้นมาบ้าง”

จากนางสาว (ไม่) จำกัดนามสกุล จนถึงรักสุดท้ายยัยจอมเหวี่ยง เน๋งบอกว่าพัฒนาตัวเองมาค่อนข้างไกลมาก ไกลในที่นี้คือ ความเข้าใจในตัวละคร และไม่อยากให้ตัวละครที่ตัวเองเล่นจำเจ เลยฝึกฝน ฝึกซ้อม และใส่สไตล์ตัวเองเข้าไปบ้าง ซึ่ง “แทน” ใน “รักสุดท้ายยัยจอมเหวี่ยง” ก็เป็นสีสันหนึ่งที่ชาเลนจ์ตัวเขาเองมากๆ 

“มันเป็นแนวโรแมนติก-คอเมดี้ครับ ซึ่งผมทิ้งทวนจากนางสาว (ไม่) จำกัดนามสกุลมาประมาณหนึ่ง ส่วนเรื่องหลังๆ อย่างภาตุฆาตหรือขอเกิดใหม่ใกล้ๆ เธอ ก็หนักเลย แต่ตัวนี้จะแอบพิเศษหน่อยตรงที่ว่า เราจะรู้ปูมหลังของแทนตอนช่วงท้ายๆ เลยว่า ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ ทำไมเขาถึงสู้งาน เปิดบริษัทรับจ้างทั่วราชอาณาจักร ทำไมถึงต้องตัวติดเพื่อนขนาดนี้ มันมีเหตุผลของมันอยู่ เรียกได้ว่า เป็นคนสู้ชีวิต แต่โชคร้ายหน่อยที่ชีวิตกลับสู้เขากลับ แล้วหนักด้วย”

1

แทนจึงกลายเป็นโจทย์หินอีกครั้งของเน๋ง แต่เราถามกลับว่า แล้วความเป็นแทนมันเหมือนกับความเป็นเน๋งมากน้อยแค่ไหน

“ถ้าเรื่องสู้น่ะใช่ แต่ถ้าเรื่องชีวิต ผมว่าเขาน่าสงสารเกินไป อาภัพเกิ้น ซึ่งผมว่าถ้าตัวละครไหนที่ใกล้เคียงผม จากเท่าที่เล่นๆ มา เจ็ทในนางสาว (ไม่) จำกัดนามสกุล น่าจะเข้ากับผมมากกว่า เป็นเด็กน้อย นิสิตฝึกงานสดใส คือใช้ความเป็นผมเล่นซะเป็นส่วนมากเลย เพราะมันใกล้เคียงกับชีวิตผมในขณะนั้นที่เรียนอยู่เหมือนกัน”

แล้วอะไรจัดการยากที่สุดในฐานะตัวละครแทนที่เน๋งเล่น เน๋งบอกว่า ด้วยความสวิงของโทนเรื่องมันขึ้นลงบ่อยมาก ทำให้การประคองสติหรืออารมณ์ให้เล่นไปตั้งแต่ต้นจนจบ ก็แอบเป็นเรื่องที่หนักใจเหมือนกัน

“เข้าใจตัวละครก็ต้องเข้าใจ เพื่อแสดงเป็นเขาให้ได้ แต่ด้วยโทนเรื่อง เดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็เสียใจ คือโฮลอารมณ์ยังไม่ให้แตกซ่าน ผมว่ายากแล้วหนึ่ง กับอีกอันหนึ่งคือ ผมเป็นมนุษย์ที่ต้องหาเหตุและผลมารองรับว่า ทำไมตัวละครต้องเป็นแบบนี้ ในชีวิตจริงเขาเป็นแบบนี้จริงเหรอ ซึ่งเอาจริงปวดหัวมากนะ แต่พอมานั่งนึกดีๆ นี่แหละความสนุกที่ได้จากการแสดงกับการสวมบทเป็นคนอื่น ที่เราอาจไม่เคยเจอหรือเป็นในชีวิตจริง”

หมวกใบที่ 2: สัตวแพทย์

มาถึงหมวกใบนี้ เราแอบเชื่อมโยงเลยว่า มันต้องมีจุดร่วมสักอย่างสิที่สัตวแพทย์และนักแสดงมีความเหมือนกันหรือเอามาปรับใช้กันได้ เน๋งตอบแทบจะทันทีเลยว่า เป็นเรื่องของการสื่อสารล้วนๆ

“สมัยก่อนผมอาจเป็นคนที่สื่อสารเยอะมาก ต้องอธิบายให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าใจ ยาตัวนั้นเป็นแบบนั้น น้องหมามีอาการแบบนี้เพราะอะไร แต่บางครั้งเราเผลอหรือลืมตัวไปว่า ใช้ศัพท์แสงยากเกินความเข้าใจของคนทั่วไปหรือเปล่า ทำให้ประสิทธิภาพในการสื่อสารมันลดน้อยถอยลงไป ผมเลยตั้งเป้าใหม่ว่า ต้องสื่อสารให้น้อยลง แต่อธิบายแล้วครอบคลุม และมีประสิทธิภาพในการสื่อสารมากที่สุด คือเจ้าของสัตว์เลี้ยงเข้าใจว่า เรากำลังบอกอะไร หรือความหมายนี้แปลว่าอะไร ซึ่งก็เหมือนกับนักแสดง น้อยแต่มาก เรียบแต่ทรงพลัง ไฮควอลิตี้ (หัวเราะ) ซึ่งมีเท่านี้เลยที่เป็นจุดร่วมระหว่างกัน และบางทีผมก็นำมาใช้ในการพูดคุยกับคนในทีมด้วยเหมือนกัน”

4

Mindset หมอเน๋งกล้าแกร่งมากว่า อยากจะปรับวิธีการสื่อสารของตัวเอง แต่เราแอบไม่แน่ใจว่า กว่าจะเดินทางมาในเส้นทางสัตวแพทย์ อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนุ่มอายุ 28 ปีคนนี้ หลงใหลในสัตว์เลี้ยงและงานดูแลสัตว์ถึงขนาดนี้

“เท้าความไปไกลนิดหนึ่งนะ ที่บ้านผมเป็นโรพยาบาลสัตว์ แล้วทุกทีคุณพ่อก็จะรับผมกลับมาจากโรงเรียนช่วงประมาณบ่ายสอง บ่ายสาม และภาพที่ผมจะเห็นพ่อทุกครั้ง หรือบางทีก็ไปแอบดูคุณพ่อทำงานคือ เขากำลังรักษาสัตว์อยู่ บางทีกำลังผ่าตัดเลยก็มี ผมเลยเหมือนซึมซับมาจากเขาโดยไม่รู้ตัว และรักในสัตว์เลี้ยงไปโดยปริยายจากการทำหน้าที่ของพ่อ อ๋อ…และที่นึกขึ้นได้อีกอย่างคือ สารคดีชีวิตสัตว์โลกพวก national geographic ครับ ผมเปิดดูตลอดตั้งแต่ 3-4 ขวบ ผมเลยคิดว่า จุดนี้มันอาจทำให้ผมหลงรักการดูแลสัตว์ก็เป็นได้”

การหลงรักสัตว์ก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องธุรกิจก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งกรอบประสบการณ์ของเน๋งในฐานะที่เรียนและเป็นสัตวแพทย์ อาจทำให้การเริ่มต้น HATO PET WELLNESS CENTER เป็นคนละเรื่องจนต้องแยกขาดออกจากกัน หมอเน๋งส่ายหน้าและตอบแทบจะในทันทีว่า

“มันต้องเกิดจากความชอบก่อน ถึงจะลงมือทำธุรกิจจริงจังได้ ซึ่งผมก็คุยกับรุ่นพี่ที่รู้จักและเขาสนใจที่จะเปิดธุรกิจแนวดูแลสัตว์ร่วมกัน นั่นเลยทำให้ผมเข้าใจเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจนี้ ที่การเรียนสัตวแพทย์เองได้ใช้อย่างเต็มที่มาก ในการวางระบบการดูแลและรักษาให้เป็นขั้นเป็นตอน เพื่อทำให้ผู้ใช้บริการไว้วางใจถึงคุณภาพที่เราดูแลสัตว์เลี้ยงของพวกเขา เอาจริงๆ นะไม่ใช่แค่หลงรักสัตว์อย่างเดียวที่ก่อร่างสร้างธุรกิจนี้ได้ คอนเน็กชั่นเองก็สำคัญเหมือนกัน”

3

คอนเน็กชั่นที่ว่า คือการรู้จักกับคนในแวดวงเดียวกันกับเน๋งที่เป็นสัตวแพทย์ด้วยกัน รวมถึงการชักชวนบุคลากรที่มีใจรักบริการและรักสัตว์ให้มารวมตัวกันที่นี่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับธุรกิจดูแลสัตว์ แต่สิ่งที่เราสงสัยมากกว่านั้นคือ เน๋งเคยให้สัมภาษณ์ในนิตยสารเล่มหนึ่งว่า การเป็นสัตวแพทย์ หล่อหลอมให้เน๋งกลายเป็นมนุษย์ตรรกะมากๆ เราเลยไม่รู้ว่า สัตวแพทย์และการมีตรรกะ ถือเป็นข้อดีหรือข้อเสียในการบริหารธุรกิจตัวเอง

“มีทั้งดีและเสียครับ ดีในที่นี้คือ ทุกอย่างจะเป็นมีระบบแบบแผน ตรวจสอบได้ รู้ที่มาที่ไป ทำให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่เราสามารถเข้าไปจัดการได้ในทันที แต่บางครั้งความเป็นมนุษย์เหตุผล ก็ใช้ไม่ได้กับการทำงานทั้งหมดอย่างการบริหารคน ผมว่าใช้เหตุผล 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ ต้องมีอารมณ์ควบคู่ไปด้วย เช่น ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมกำลังเรียนรู้อยู่ พอๆ กับการเรียนสัตวแพทย์เลย”

หมวกใบที่ 3: นักธุรกิจ

หมอเน๋งนิยามตัวเองว่า เป็นนักทดลองทำธุรกิจที่เริ่มจากการตั้งไข่เตาะแตะ จนตอนนี้ดอกผลได้งอกเงยออกมาถึง 5 สาขาแล้วกับ HATO PET WELLNESS CENTER ที่เป็นทั้งบ้าน เป็นทั้งพื้นที่แลกเปลี่ยน และเป็นที่ฮีลใจให้เหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงได้พาเหล่าขนฟูเข้ามาผ่อนคลาย แต่เขาเล่า DAY1 ให้เราฟังอย่างอ่อนใจว่า ก็แอบหืดขึ้นคอเหมือนกัน

“3 เดือนแรกคือช่วงเวลาวัดใจครับ (หัวเราะ) เพราะเราปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา เพื่อให้เป็นที่รู้จักและไว้วางใจสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง ในช่วงแรกจึงเน้นเรื่องการรับรู้เป็นหลัก แต่ไปๆ มาๆ มันเน้นแค่เรื่องนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องให้เขามาสัมผัสประสบการณ์และมีส่วนร่วมกับมันด้วย จนเกิดการบอกปากต่อปาก ซึ่งนี่เป็นทริคแรกที่ผมใช้ในการตลาดซึ่งก็แอบยากเหมือนกันที่จะทำให้ผู้ใช้บริการยอมรับในคุณภาพและบริการที่ออกมา”

โจทย์ที่เปลี่ยนไปทุกวัน ไม่ใช่แค่ในแง่ของบริการที่น่าประทับใจเท่านั้น แต่โจทย์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าคือ การครองใจเหล่าคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเราให้รักในองค์กรและทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ

“ที่นี่มีการแบ่งพาร์ทการทำงานที่ชัดเจนครับ หุ้นส่วนผม 2 คนอาจดูเรื่องของธุรกิจ ส่วนตัวผมเองจะเป็นแนวครีเอทีฟ คือคิดและเติมบริการต่างๆ ที่คิดว่าเหมาะสม เพื่อให้เกิดตัวเลือกที่หลากหลาย โดยในบางที ที่งานบางครั้ง มันอยู่ที่เราเยอะมาก ทำให้ต้องวางแผนกันใหม่ คือคิดจบแล้วส่งต่อให้คนอื่นจัดการ ไม่อย่างนั้นจะปวดหัวมากกว่าเดิม เพราะเราต้องไปคิดเรื่องอื่นต่ออีก ไหนจะคน ไหนจะการตลาด ไหนจะตัวยา และเรื่องอื่นๆ อีกสารพัด”

5

คนและเงินทุนจึงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการบริหารธุรกิจให้รอดปลอดภัยของหมอเน๋ง แต่เขาเองก็ไม่หวั่นที่จะรันสิ่งที่สร้างมาเรื่อยๆ จนประคองมาได้ตลอดปีกว่าๆ อย่างช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า ช่วงนั้นหัวหมุนและปั่นป่วนที่สุด ปรับแผนหลายท่ามาก ไม่ว่าจะคุยกับพนักงานเรื่อง Work From Home การประหยัดรายจ่ายในแต่ละด้าน ลามเลยไปถึงการออกบริการที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่าง PET TAXI ที่ไปรับสัคว์เลี้ยงสุดที่รักถึงบ้าน เพื่อมาอาบน้ำและกรูมมิ่งที่ศูนย์ของตัวเอง แถมหมอเน๋งยังขับรถไปรับเองด้วย

ทั้งหมดที่กล่าวมา คนสัมภาษณ์เลยบอกหมอเน๋งว่า ไม่แปลกที่หมอเน๋งมักจะพูดในคลิปวิดีโอช่องยูทูปของตัวเองว่า CEO เน๋งก็คือ General เบ๊ คนหนึ่งดีๆ นี่เอง

“กล่าวผิดจากนี้ไม่ใช่ผม (หัวเราะ) เพราะน้องๆ ที่ทำงานด้วยกันถึงขั้นทวงเงินจากการที่ผมยืมเงินเขาออกเรื่องค่ายาไปก่อน แล้วค่อยมาทวงจากผมทีหลังก็มี ผมเลยรู้สึกว่า ตัวเองเป็น CEO ที่เข้าถึงทุกคนได้ สายชิล และเป็นกันเอง เพราะเราเองรวมถึงทุกคน ก็อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำงานด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ผมเลยไม่ใช่คนถือตัวเท่าไหร่ และทำได้ทุกบทบาท ขนาดดูดฝุ่น กวาดพื้น ทำความสะอาด เช็คสต็อกยังมีเลย หากขาดกำลังเสริมจริงๆ”

แอบพูดไปว่า เน๋งคือเพอร์เฟคชั่นนิสต์กลายๆ แต่เน๋งไม่เชื่อว่า ตัวเองเป็นแบบนั้น เขาเป็นแค่คนที่ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ภายในงานและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานทุกคน เราเลยถามต่ออีกว่า นอกจากการแสดงและธุรกิจที่ทำควบคู่กันอยู่ ตอนนี้เน๋งให้คุณค่ากับเรื่องอะไรอีกบ้าง

“เวลาคือสิ่งหายาก และตารางเวลาคือสิ่งล้ำค่ามากๆ” เน๋งตอบออกมาด้วยเสียงหนักแน่น 

“สมัยก่อนไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเวลานัดใคร เขาถึงดูยุ่งและไม่มีเวลาว่างกันเลย ตัดภาพกลับมาที่ผมตอนนี้ อ้าว เราเองก็เป็นแบบนั้นอยู่นี่หว่า อย่างบางทีคนในทีมหรือคนอื่นขอคุย เราก็จะเช็คเวลาแหละ มีพีเรียดได้ที่เวลานั้น เวลานี้ บางทีมีเวลาแค่ 15 นาที เฮ้ย! ไม่คิดว่า เวลามันจะน้อยและรัดตัวขนาดนี้ แต่ถามว่าคุยเป็นงานเป็นการ เป็นชิ้นเป็นอันไหม เป็นนะ แต่ผมแค่รู้สึกว่า จากเมื่อก่อนที่ไม่เชื่อเรื่องการไม่มีเวลา มาตอนนี้ผมเชื่อแล้ว เชื่อแบบสนิทใจเลย”

“กับอีกเรื่องคือ คุณค่าการใช้ชีวิต ตอนนี้อยากหยุดขยายสาขาลงบ้าง และใช้ชีวิตให้ง่ายก็น่าจะดีนะ ไม่ต้องรีบ ลองใช้เงินที่ตัวเองหาไปกับการพักผ่อน และหยุดดูซีรีส์ที่ชอบบ้าง ก็น่าจะดีเหมือนกันในช่วงนี้”

สองคำถามสุดท้าย ก่อนจะปล่อยผู้บริหารคนนี้ไปดูแลกิจการต่อ หลังจากถ่ายแฟชั่นเซ็ทสุดท้ายจบลง แล้วความตั้งใจที่จะให้เป็นในอนาคตของ HATO PET WELLNESS CENTER คืออะไร และสิ่งใดที่ยังยึดเหนี่ยวให้เน๋งยังคงทำธุรกิจนี้ต่อไป

“ความตั้งใจของผมมี 2 อย่างคือ หนึ่ง อยากรวมตัวเพื่อนๆ ที่ผมรู้จักมาสร้างคอมมูนิตี้สัตว์ร่วมกัน เอาคนเก่งเฉพาะทางมารวมตัวกัน เพื่อสร้างพื้นที่องค์รวมที่เกี่ยวกับสัตว์จริงๆ เหมือนในซีรีส์ Hospital Playlist ที่เป็นเพื่อนอยู่ในโรงพยาบาลเดียวกัน มีความเก่งและมาทำงานร่วมกัน เพื่อยกระดับการดูแลสัตว์ให้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น

“และ สอง คือทำ HATO ให้เป็นพื้นที่ที่ไม่ใช่แค่ศูนย์ดูแล รักษา และอภิบาลสัตว์เท่านั้น แต่อยากให้เป็นศูนย์ยกระดับคุณภาพชีวิตสัตว์เลี้ยงจริงๆ ที่ทุกคนนึกถึง เป็นทางเลือกของผู้ใช้บริการที่เข้ามาแลกเปลี่ยน ขอคำแนะนำ
และมอบความรู้บางอย่างได้ อย่างที่ผมทำคลิปวิดีโอยูทูปทุกวันนี้ ก็เพื่อช่วยให้คนเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เพราะกว่าจะเลี้ยงสัตว์ตัวหนึ่งให้ดีได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ”

“กับข้อต่อมาคือ สิ่งที่ยึดเหนี่ยวให้ผมรักที่จะทำตรงนี้อยู่ คือการได้เห็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีความสุขทุกครั้งที่ได้มาใช้บริการที่นี่ อย่างภาพที่ผมจำได้ติดตาคือ ภาพที่เจ้าของสุนัขขับรถมาใช้บริการที่ศูนย์ แล้วพอมาถึง น้องแทบจะวิ่งและกระโจนเข้าไปในศูนย์เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งนี่แหละเป็นภาพที่ผมอยากเห็นไปเรื่อยๆ ว่า พื้นที่นี้มันคอมฟอร์ตจริงทั้งตัวน้องและเจ้าของเอง”

หมวกเยอะแค่ไหน หน้าที่ความรับผิดชอบยิ่งเยอะเท่านั้น

เป็นกำลังใจให้เน๋งมากๆ กับหมวกและโลกทั้ง 3 ใบที่หมอเน๋งได้เลือกแล้ว

POSH MAGAZINE THAILAND เชื่อว่า “เทวดาจะอยู่ข้างคนที่ตั้งใจเสมอ”


Creative Director/Photographer : Termsit Siriphanich @termsit @termsitstudio
Stylist : Ashita Vajropala @ashitavajropala #ashitacoloring
Clothes : @stoodieee.store @aland_store @heidisecret
Jewelry : @itsmangkon
Sunglasses : @grandma_glasses @flameblaze.ds
Makeup : ประดิทรรศณ์ พันสวัสดิ์ @eddiethailand
Hair : TheArmhair Stylis @thearm_hair89
Photo Assistant : Pichaipusit Jack Sakura @jack_the_magician
Eirin Kiyota @eirindesu
Editor in Chief : Austin Thein
Interview: Yutthachai Sawangsamutchai @Youthtumz
Location : Studio VJ @Studio_vjthailand
#NengnnxPosh