Chalita Suansane for POSH Magazine Thailand March 2017

CHALITA SUANSANE – NAMTAN FEVER

Junpsuit Insomnia, Necklace and Rings Swarovski

ปรากฏการณ์ ‘น้ำตาลฟีเวอร์’ ปลุกหัวใจคนไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในเช้าวันที่ 30 มกราคม 2017

…อย่าบอกว่าวันนั้นคุณไม่ได้ส่งใจเชียร์ ‘น้ำตาล–ชลิตา ส่วนเสน่ห์’ ชิงมงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2016

…อย่าบอกว่าวันนั้นคุณไม่ได้ยิ้ม ตอนนาย สตีฟ ฮาร์วีย์ Steve Harvey

ประกาศว่า ‘มิสไทยแลนด์’ ติด 1 ใน 6 (แน่นอนว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่พิธีกรพลาดซ้ำสอง)

แม้ว่าน้ำตาลไม่อาจชิงมงฯ กลับมาฝากคนไทยได้ก็ตาม แต่เธอคือนางงามที่เข้ารอบลึกที่สุดในรอบ 29 ปี และเป็นนางงามที่ปลุกกระแสโซเชียลฯ ให้พีคที่สุดอีกครั้ง

น้ำตาลคือนางงามที่มีพัฒนาการก้าวกระโดดด้วยความมุมานะ พยายามอย่างเต็มเปี่ยม ความฮอตของเธอจึงไม่ได้จบหลังก้าวลงจากเวที นิตยสารแฟชั่นทุกสำนัก ไม่จ่อคิวรอได้อย่างไร แม้แต่ POSH ยังต้องรีบคว้าเธอมาขึ้นปกในลุกส์สุดแซบแบบ ‘น้ำตาลแพงมาก’

งานรุ่มขนาดนี้ หากเราอยากรู้ว่าเธอเหนื่อยไหม ก็คงจะไม่แปลกนัก

“ไม่เลยค่ะ” เธอตอบยิ้มๆ พลางขยับตัวเข้ามาใกล้

“ตั้งแต่กลับมา (จากการประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ประเทศฟิลิปินส์) ตาลทำงานทุกวัน ถ่ายแบบ เดินแบบ งานอีเว้นท์ ถ้าว่างก็จะรีบไปหาคุณแม่”

ทราบมาว่าคุณแม่ยังไม่ยอมหยุดทำงาน

“แม่บอก ออกมาก็ไม่รู้จะทำอะไร มันเหงา ไปทำงานยังได้เจอเพื่อนๆ”

ย้อนกลับไปวันที่คุณยังเด็ก แล้วต้องออกไปช่วยคุณแม่ทำงาน เคยเกิดคำถามในใจไหมคะ ว่าทำไมเราไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น

“ตาลชินมากกว่า คิดอย่างเดียวว่า อยากช่วยแบ่งเบาภาระแม่ จึงอาสาไปช่วยทำงานตั้งแต่ป.4 ตอนแรกๆ ช่วยหยิบจับธรรมดา พอเริ่มทำเป็น เวลาแม่ไปทำงานเป็นแคดดี้ ตาลก็จะไปทำงานเป็นแม่บ้านแทนจนถึง ม.3 จนแม่ได้ไปทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตาลเลยบอกให้แม่ฝากงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นั่น

“พอเข้ามหา’ลัย ตาลต้องไปอยู่หอ แล้วจะมีเพจขายของของนิสิต ตอนนั้นก็คิดจะทำอะไรดี เลยหัดทำขนมจากยูทูป ทำเครปเค้กกับบานอฟฟี่ขาย แต่ไม่เยอะค่ะ เวลามีคนสั่งในเพจก็ทำไปส่งตามหอ”

คุณเข้ามาประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สได้อย่างไรคะ

“ความฝันอยากเป็นนางงามอยู่ในใจลึกๆ มาตลอดค่ะ แต่มันมีเหตุการณ์จุดประกายให้เราอยากเข้าประกวดปีที่แล้วคือ มีพี่คนหนึ่งทักมาในเฟซบุ๊ก บอกว่าน้องหน้าเก๋จัง อยากลงประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ดูไหม ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงรับสมัครพอดีค่ะ ตาลก็เลยปรึกษาแม่ แม่ก็บอกว่าลองดูสิ จะได้รู้ว่าเป็นยังไง แต่เอาจริงๆ เรายังไม่พร้อมนะ ฟันก็ยังดัดไม่เสร็จ และอ้วนอยู่

“ทีนี้พี่คนนั้นโทร.มาบอกว่า พี่มีเพื่อนอยู่กรุงเทพ เดี๋ยวจะให้ไปหาเขา พอเขานัดวัน ตาลโทร.หาเขาทั้งวัน ไม่ติด พอเขารับสายแล้ว บอกว่า พี่ยุ่งมากเลย พี่ว่าปีนี้จะไม่ส่งเด็กเข้าประกวดแล้ว (หัวเราะ) คือมองอีกมุมหนึ่ง พี่เขาเห็นว่าเรายังไม่พร้อมด้วย กลัวลดน้ำหนักไม่ทัน เหล็กดัดฟันก็ไม่รู้ว่าจะถอดได้ไหม”

ตอนนั้นผิดหวังไหมคะ

“ไม่ค่ะ เพราะตอนแรกตั้งใจว่าจะกลับมากรุงเทพฯ เพื่อทำงานตอนปิดเทอม แต่สมัครที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้เพราะเขาต้องการคนพูดภาษาญี่ปุ่นได้ จนกระทั่งเพื่อนแม่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่นุ่ม บอกว่า พี่นุ่มกำลังหาเด็กส่งเข้าประกวดให้พี่ปุ้นดู แต่ส่งไป 30 กว่าคน พี่ปุ้นไม่เอา เขาว่า สวยเกิน (หัวเราะ) จนเขาเห็นรูปตาล บอกว่าหน้ากรามชัดๆ แบบนี้แหละ ชอบ”

เห็นว่าคุณกลัวโดนเทรอบสอง

“ก็พี่ปุ้นเห็นรูปแล้วนัดดูตัว แต่เลื่อนนัดตลอด เพื่อนตาลยังแซว นี่ถ้าเขาเทแกอีก ก็ไม่ต้องประกวดแล้วนะ แต่สุดท้ายก็ได้ก่อนสมัครประมาณ 2 อาทิตย์ มีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่เหมือนเราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ออกมาดีที่สุด ณ ตอนนั้น ซึ่งพี่ปุ้นกับพี่นุ่มบอกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้หวังปีนี้ เพราะมีตัวเต็งที่เขาพร้อมมาก พี่ปุ้นกับพี่นุ่มยังเถียงกันตลอดว่า แกไม่ต้องได้มงหรอกเนอะ ถ้าไม่ติดก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวปีหน้ามาใหม่ (หัวเราะ) แต่พอถึงเวลาจริงๆ พี่ๆ เป็นคนวางแผนหมดทุกอย่างเองเลยว่าเราควรแต่งตัวยังไง โพสท่ายังไง ทำผมแบบไหน คือเต็มที่มาก”

จากที่เราไม่ใช่ตัวเต็ง คุณคิดว่าอะไรทำให้คุณได้ครองมงกุฎ

“ตาลเชื่อว่า เวลาสำคัญ แต่ความมุ่งมั่นสำคัญกว่า ตาลไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ขอให้มีโอกาส ขอเวลาปรับตัว อย่างตอนก่อนประกวด ตาลตั้งใจลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย พี่เขาบอก เขาสอนอะไร ตาลก็ตั้งใจทำ พอได้ตำแหน่ง ก็ทำตัวไม่ถูกอีก ถามว่าเครียดไหมก็เครียดนะคะ เครียดที่เราไม่ได้เพอร์เฟ็คต์ขนาดนั้น

“แต่หลังจากนั้นทางกองก็จัดตารางให้เราเรียน เช่น การเดิน แอ็คติ้ง บุคลิกภาพ แต่งหน้า เรียนทุกอย่างประมาณ 4 เดือน ตอนเย็นเข้าฟิตเนสตลอด 3-6 ชั่วโมงต่อวัน บางวันก็หาเวลาว่างไปเรียนกับพี่จิม ให้พี่จิมช่วยสอนเรื่องเมคอัพและวิธีปรับลุคส์ให้ ว่าเราควรจะแต่งแบบไหนขึ้นเวที”

วันที่ต้องขึ้นเวทีการประกวดครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง

“เต็มร้อยค่ะพกความมั่นใจไปเต็มที่แบบไม่ได้เผื่อใจเลยถามว่ากลัวไหมตาลไม่กลัวเลยค่ะเราไปไกลขนาดนั้นแล้วครั้งเดียวในชีวิตคิดอย่างเดียวว่าเราไม่สามารถกลับไปประกวดอีกรอบได้พี่ๆทุกคนที่กองประกวดให้กำลังใจว่าถ้าเราไม่ทำตอนนี้ให้เต็มที่ที่สุดเราจะกลับไปทำไม่ได้อีกแล้วนะตาลเลยเต็มที่ทุกอย่างไม่กลัวเลย”

Dress Flynow, Rings and Bracelets Parvay, Shoes Christian Louboutin

พอคุณเข้ารอบ 6 คนสุดท้าย มั่นใจไหมว่ามงต้องลง

“ไปถึงตรงนั้นแล้วทุกคนคิดว่าตัวเองต้องได้หมดค่ะเพราะว่าถ้าเราไม่คิดมันก็ไม่มีแรงกระตุ้นที่อยากจะทำทุกวันให้มันดีตาลพยายามคิดเสมอว่าฉันเป็นมิสยูนิเวิร์สนะ (หัวเราะ) แต่พอไม่ติด 3 คนสุดท้ายตาลเสียใจนะคะเพราะตาลพยายามทำเต็มที่ทุกอย่างอยากทำเพื่อคนไทยมันความเสียดายมากกว่าค่ะ”

ณ วันนี้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

“สำหรับตาลไม่ได้เปลี่ยนไปแต่เรียกว่ามีโอกาสในการทำงานมีคนรู้จักมากขึ้นเพราะตัวตาลเองไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาวงการเราไม่ใช่คนที่มีต้นทุนสูงเหมือนคนอื่นบางคนมีโอกาสเรียนพิเศษได้เข้าวงการตั้งแต่เด็กณตอนนี้ตาลจึงอยากลองทุกทำอย่างอยากรู้ว่าการทำงานในแต่ละอย่างมันเป็นยังไงบ้าง”

จากกระแส ‘น้ำตาลฟีเวอร์’ บนโซเชียลฯ ในช่วงที่คุณประกวดมิสยูนิเวิร์ส กับบางครั้งที่มีกระแสในด้านลบบ้าง คุณรับมือกับมันอย่างไร

“อย่างที่บอกว่า ตาลไม่ใช่คนที่พูดทุกสถานการณ์ ตาลเชื่อว่า เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง บางครั้งการวิจารณ์หรือคอมเม้นท์ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า พวกเขารู้อะไรหรือเกี่ยวกับเราทั้งหมด แม้บางครั้งเราอยากจะพูดให้เขาเข้าใจ แต่สิ่งแรกที่ตาลทำคือ กลับมามองตัวเองว่าทำอะไรอยู่ แล้วทำถูกต้องหรือยัง จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมตาลไม่ค่อยได้อ่านเรื่องต่างๆ ในโซเชียลฯ สักเท่าไรค่ะ ถามว่ารู้ไหม ก็รู้ค่ะ แต่เราไม่สามารถอ่านได้หมด แค่งานก็แทบไม่มีเวลาพักแล้ว (ยิ้ม)”

บางครั้งมีคนเข้ามาเกี่ยวโยงในกระแสข่าวด้วย

“ถ้าหมายถึงพี่ปุ้นกับพี่นุ่ม พวกเขาไม่ได้เป็นแค่ผู้จัดการ แต่เป็นเหมือนครอบครัวที่ดูแลตาลมาตั้งแต่แรก เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ขนาดไม่หวังว่าตาลจะได้ตำแหน่งแต่พอถึงเวลาแล้วเต็มที่และ ดูแลตาลดีมาก คนที่ไม่ได้มาสัมผัสตรงนี้จริงๆ ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าพี่ปุ้น พี่นุ่มเป็นคนยังไง แม้แต่พี่ๆ ทุกคนที่กองประกวด อยู่เบื้องหลังในความสำเร็จตาลหมด ไม่ใช่แค่ตาลทำมันคนเดียวค่ะ”

จากวันนั้นที่คุณเป็นเด็กนักศึกษา มาถึงวันที่มีพูดถึงคุณทั้งประเทศ

“มองกลับไปก็ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้นะคะ (ยิ้ม) ตาลว่าทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ทุกคนต้องเจอหมด ฉะนั้นต้องตั้งรับอย่างมีสติ แม้บางครั้งแอบนอยด์แต่พี่ๆ ในกองประกวดก็จะสอนตาลเสมอว่า ให้มองทุกอย่างด้วยความเข้าใจว่า เราควรทำตัวยังไงและปรับตัวเองยังไงบ้าง ที่สำคัญตาลมีแม่ มีครอบครัวที่เป็นกำลังใจเสมอค่ะ”

อยากบอกอะไรถึงโลกโซเชียลฯ บ้างคะ

“อย่าเพิ่งด่วนสรุปค่ะ”